วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

[::REVIEW::] TOM FORD – PRIVATE BLEND – LOST CHERRY


[::REVIEW::]
TOM FORD
PRIVATE BLEND – LOST CHERRY
Perfumer : Tom Ford
Launched Year : 2018


Fragrance Notes
Top Notes : Black Cherry, Cherry Liqueur, Bitter Almond
Middle Notes : Griotte Syrup, Turkish Rose, Jasmine Sambac
Base Notes : Peru Balsam, Roasted Tonka Bean, Sandalwood, Vetiver, Cedar

_________________________________________


               LOST CHERRY เปิดตัวครั้งแรกในงาน New York Fashion Week 2018 โดยเป็นน้ำหอมกลิ่นใหม่จากไลน์ PRIVATE BLENDS อันเป็นตระกูล niche สุดหรูจากค่าย Tom Ford ซึ่งชื่อ LOST CHERRY นั้นมีที่มาจากสำนวนแสลงภาษาอังกฤษ ว่า “Lost your cherry” ซึ่งมีความหมายคือ “Lost your virgin” หรือการเสียบริสุทธิ์นั่นเองครับ ตั้งชื่อได้หวือหวาสะดุดหูตามสไตล์ Tom Ford เค้าเลย ผมว่าเรื่อง sex นี่เป็นจุดขายอย่างหนึ่งของแบรนด์นี้เลยนะครับ เค้าหัวรุนแรง Erotic เอาเรื่องดีทีเดียว สังเกตได้ง่ายๆจากภาพ Ads โฆษณาน้ำหอมแต่ละกลิ่นของแบรนด์นี้ที่มักจะเน้นไปทางวาบหวิวซะเป็นส่วนใหญ่

               นอกจากความหมายของชื่อ LOST CHERRY จะเด็ดสุดๆแล้ว กลิ่นของมันเองก็จัดว่าเด็ดเอาเรื่องไม่แพ้กันครับ ใส่แล้วอาจจะ Lost your cherry ได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะกลิ่นของมัน sexy มากกกกก กลิ่นยั่วๆบดๆแบบน่ากินๆ จะว่าออกแนวซุกซนปนขี้เล่นก็ใช่ แต่จะว่าไปอารมณ์โทนกลิ่นหลักๆจะเอียงไปทางเซ็กซี่แบบลึกลับซะมากกว่า ประมาณว่าเซ็กซี่จริงจัง เซ็กซี่ระดับนางพญา ซึ่งมีพลังทำลายล้างสูงมาก แถมกลิ่นก็ยังหอมไม่ซ้ำใคร โดยเฉาะอย่างยิ่งคนที่ชื่นชอบน้ำหอมกลิ่นเชอร์รี่ที่ผมว่าน่าจะต้องถูกใจเป็นพิเศษเลยครับ เพราะกลิ่นเชอร์รี่นั้นมาเต็มมาก แทบอยากจะเรียกว่าเป็นสวรรค์ของคนรักกลิ่นเชอร์รี่เลยทีเดียว

               LOST CHERRY เป็นน้ำหอมกลางคืนแนว Oriental – Fruity ที่มีเชอร์รี่เป็นโน้ตหลักตัวสำคัญในการดำเนินเรื่อง โดยคอนเซปที่ทางแบรนด์วางไว้สำหรับน้ำหอมกลิ่นนี้คือกลิ่นเชอร์รี่แช่เหล้าครับ ใครที่ชอบน้ำหอมกลิ่นเชอร์รี่ไม่ว่าจะเป็น Guerlain - La Petite Robe Noire หรือ Cartier – DÉLICE DE Cartier ผมว่ามีความเป็นไปได้สูงที่คุณจะชอบน้ำหอมกลิ่นนี้ด้วย 

โน้ตหลักที่สำคัญของ LOST CHERRY มีดังนี้ครับ
  1. Black Cherry (ลูกเชอร์รี่ดำ)
  2. Cherry Liqueur (เชอร์รี่ลิเคียว เป็นเหล้าหวานรสเชอร์รี่ ราคาแพง)
  3. Griotte Syrup (ไซรัปเชอร์รี่ ที่ผลิตจากเชอร์รี่พันธุ์เปรี้ยว)
  4. Bitter Almond (เมล็ดอัลมอนด์พันธุ์หนึ่ง ให้รสออกไปทางขม)
  5. Turkish Rose (กุหลาบจากตุรกี)
  6. Peru Balsam (สารหอมจากประเทศเปรู ให้กลิ่นผสมผสานระหว่างอบเชยกับวานิลลา)
  7. Roasted Tonka Bean (ถั่วตองก้าคั่ว)


               ช่วง Top Notes เปิดตัวด้วยความ Dark, Mystery, Sexy และ Exotic กันตั้งแต่วินาทีแรก เพราะนำออกมาด้วยกลิ่นหวานเข้มจัดจ้านของเชอร์รี่ดำ ชวนนึกถึงเชอร์รี่ดำลูกโตสดๆที่ให้รสหวานเข้มฉ่ำๆ แซมกลิ่น Bitter Almond ที่นวลเนียน กลมกล่อม และออกไปทางขมหน่อยๆ พร้อมด้วย Cherry Liqueur เหล้าหวานรสเชอร์รี่ที่ช่วยปรับให้กลิ่นออกไปทางมึนเมา คล้ายกับกลิ่นเชอร์รี่แช่เหล้าเหมือนคอนเซปที่เขาวางไว้เป๊ะ ใน คหสต. ผมว่ากลิ่นมันให้ความรู้สึกคล้ายกับลูกเชอร์รี่ที่ร้าน Swensen’s นำมาประดับเป็น Topping บนไอศครีมซันเดย์ หากทว่ามาเวอร์ชั่นที่ดู Dark ขึ้น ไม่ใช่เชอร์รี่ที่น่ารัก สดใส หากแต่มันกลับลึกลับ น่าค้นหาแทน

               ช่วงกลางผมสัมผัสได้ถึงโทนกลิ่นหวานแน่นสไตล์ Oriental และ Balsamic ที่ปรากฏตัวขึ้นทีละนิดได้ โดยโน้ตที่เพิ่มเข้ามาในช่วงนี้มี Griotte Syrup ซึ่งเป็นน้ำเชื่อมที่ผลิตจากเชอร์รี่รสเปรี้ยว, ถั่ว Tonka Bean คั่วหอมๆ และดอกกุหลาบ Turkish Rose จากประเทศตุรกี ซึ่งทั้งสามอย่างผสมผสานกลืนไปกับกลิ่นเชอร์รี่ดำและ Cherri Liqueur จากตอนต้นแล้วสุดยอดมากจริงๆ กลิ่นหวานปนขมของเชอร์รี่ดำกับเหล้าลิเคียวนั้นดูมีชั้นเชิง ทั้งยังลึกลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้นไปอีก กลายเป็นกลิ่นที่หอม sexy หรูหราแบบสุดๆ

               อ้อ ขอนอกเรื่องหน่อย ปกติผมเป็นคนไม่ชอบน้ำหอมแนว Oriental กลิ่นแน่นๆหนักๆนะครับ ผมใส่น้ำหอมโทนนี้แทบไม่ได้ ใส่ทีไรไข้ขึ้นตลอด ซึ่ง LOST CHERRY ตัวนี้ก็ไปไม่รอดครับ กลิ่นจัดว่าแรงไปสำหรับผม นี่ถ้าไม่ติดว่าตลอดช่วงอายุกลิ่นยังคงมีเชอร์รี่โชยออกมาเรื่อยๆตลอดเวลาคงล้างแขนกับทิ้งกระดาษเทสเตอร์ไปแล้วครับ ไม่ไหวจริงๆโทนแบบนี้ แต่เพราะกลิ่นเชอรี่นั้นหอมมากเลยยังเก็บไว้ดมได้เรื่อยๆ

               เข้าสู่ช่วง Base Notes ยังคงเป็นกลิ่นเชอรี่ที่หวานอบอุ่น นุ่มนวลมากขึ้น สัมผัสได้ถึงคุณภาพที่ดีเลิศ ล้นแก้ว ตามแบบฉบับของไลน์ Niche จากบ้าน Tom Ford ผมได้กลิ่นแล้วนึกถึงผู้หญิงสวย sexy แบบร้ายๆ ดุๆ ทาตาเข้มๆ ทาปากสีแดงเนียนดุจกำมะหยี่ ยืนอยู่ในความมืด งานเลี้ยงกลางคืน อะไรทำนองนั้นเลยครับ น่าจะพอนึกภาพลักษณ์ที่กลิ่นสื่อออกมาได้บ้าง

               LOST CHERRY เป็นน้ำหอมประเภท Eau de Parfum นะครับ กลิ่นแน่น เข้มข้น ติดทนนาน โดยเป็นน้ำหอมกลางคืนหรือเหมาะกับใส่ในช่วงฤดูหนาวเป็นหลัก สำหรับความทนทานบนผิวผมนั้น อยู่ได้ 8-9 ชั่วโมงสำหรับการฉีดเบาๆเพียง 1 สเปรย์เท่านั้น ซึ่งจัดว่าทนแบบโหดมาก (ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งสภาพผิวแต่ละคนที่แตกต่างกัน สภาพอากาศ ปริมาณการฉีดหรือแต้ม ฯลฯ) และการกระจายตัวก็ทำได้ดีมาก มี Sillage โชยออกมาตลอดอย่างไม่ขาดสาย  ถือเป็นอีกกลิ่นที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าจดจำ

               ใครชอบน้ำหอมกลิ่นเชอร์รี่แนะนำให้ลองเลยครับ สำหรับเมืองไทยอาจจะหาโอกาสใช้ยากซักนิดนึงเพราะอากาศบ้านเราค่อนข้างร้อนตลอดปี แม้ว่า LOST CHERRY นั้นจะเป็นน้ำหอมกลางคืนและเหมาะกับยามอากาศเย็นอย่างช่วงฤดูหนาว แต่โดยส่วนตัวผมเองก็ยังคิดว่าแอบหนักไปอยู่ดีหากจะใส่ในฤดูหนาวเมืองไทย เว้นแต่ใส่ในห้องแอร์ที่เย็นฉ่ำจริงๆ ใส่เที่ยวกลางคืน ผับบาร์หรูๆ ออกงานสังคมเมื่อต้องการออร่าเจิดจรัสแบบพุ่งๆ หยิบมาใช้ได้เลยไม่ต้องคิดมากหรือเลือกนาน ยิ่งใส่ชุดสีดำ สีแดงเข้ม แดงไวน์ หรือ Burgundy จะเข้ากันได้ดีพิเศษ ทาปากแดงหน่อยคือดาวเด่นสุดของงานเลยจริงๆครับ

_________________________________________