[::REVIEW::]
YVES SAINT LAURENT – nu
Perfumers : Jacques Cavallier-Belletrud, Firmenich
Launched Year : 2001
Fragrance Notes
Top Notes : Bergamot, Cardamom
Heart Notes : Jasmine, Orchid, Pepper
Base Notes : Musk, Sandalwood, Vetiver, Frankincense
____________________________________________
nu แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า nude หรือ naked ซึ่งหมายถึงการเปลือยกาย เป็นการตั้งชื่อตั้งชื่อน้ำหอมได้เซ็กซี่หวือหวา ท้าทายชวนให้ลอง ยิ่งเห็นภาพโฆษณายิ่งยั่วยุให้อยากลองเข้าไปอีก แถมดีไซน์ของขวดนี่ก็นะ ยิ่งมองก็ยิ่งเกิดความสงสัย ชวนให้อยากรู้ว่าจะสื่อถึงอะไร มันดูเป็นปริศนาที่มืดมิดและเดาได้ยาก แบบถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น เราจึงต้องลองนะ 5555
(ขอเกริ่นซักนิด) โดยส่วนตัวเคยมีโอกาสได้ลองเทสกลิ่น nu ครั้งแรก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะราวๆ ม.5 ละมั้ง (หรือ ม.6 ก็ไม่แน่ใจครับ) ขวดที่ได้ลองตอนนั้นเป็นเวอร์ชั่นที่ YSL นำน้ำหอมรุ่นเก่าๆที่ Discon ไปแล้วกลับมา repackage ขายใหม่ โดยออกเป็นคอลเลคชั่น Limited Edition ทั้งหมด 8 กลิ่น (ที่เป็นขวดสี่เหลี่ยม น้ำหอมผู้หญิงบรรจุขวดสีครีม ส่วนน้ำหอมผู้ชายบรรจุขวดสีดำ) มีใครนึกออกบ้างไหม
คราวนั้น ได้ลองเทสกลิ่นจนครบทั้งหมด 8 กลิ่น แต่มีที่ติดใจจริงๆอยู่สองตัว คือ in love again กับ nu นี่แหละ สำหรับความรู้สึกในช่วงเวลานั้น nu เป็นน้ำหอมที่ เซ็กซี่มากกก เซ็กซี่เหลือร้าย กลิ่นเครื่องเทศให้อารมณ์เผ็ดจัดจ้าน เร่าร้อนสะใจเยี่ยงไฟราคะแห่งนรกภูมิ น้ำหอมอะไรก็ไม่รู้ กลิ่นยั่วยวนชวนขึ้นเตียง เซ็กซี่ดุร้ายราวกับโดนซาตานสะกดจิต ในตอนนั้นก็เลยมองว่า เจ้าน้ำหอมกลิ่นนี้เซ็กซี่จนน่ากลัว
อยู่มาวันหนึ่ง นึกอยากลองเวอร์ชั่น Original ดูบ้าง ก็เลยตัดสินใจสั่ง decant แบ่งขายมาลองเล่นๆ มาครั้งนี้กลับให้อารมณ์และความรู้สึกที่ต่างออกไปจากครั้งแรกที่เคยลอง (น่าจะเป็นเพราะระยะเวลาเปลี่ยน จมูกก็พัฒนาขึ้น) เพราะมันค่อนข้างจะให้อารมณ์น้ำหอมคลาสสิคสไตล์วินเทจ เปลี่ยนจากภาพความเซ็กซี่รุนแรงที่เคยรู้สึก กลับกลายเป็นคลาสสิคแบบต้องมนต์สะกด ชวนนึกถึงภาพขาวดำของสาวสวยในยุคโบราณ นัยน์ตาหวานๆ มีเสน่ห์ที่เย้ายวนชวนจับตามอง
nu ให้อารมณ์ถึงน้ำหอมวินเทจที่มีคุณภาพล้นแก้ว มาในเบสความเข้มข้น Eau de Parfum หากทว่าความเข้มข้นของมันนั้นจัดว่าสูงมากๆ ส่งผลให้มันมีเนื้อกลิ่นที่หนักแน่น ติดทน และกระจายตัวได้ในระดับที่ต้องเรียกว่าดีเยี่ยม โดยโน้ตตัวสำคัญๆคือ กระวาน พริกไทย ดอกกล้วยไม้ ธูปหอม และไม้หอม ซึ่งโดยหลักๆจะเน้นไปทางโทน Spicy, Woody และ Balsamic
ในแว้บแรกที่ได้ลองแอบแปลกใจเล็กๆ นี่เขาแบ่งน้ำหอมให้เราผิดขวดรึเปล่า? เพราะกลิ่นมันช่างคล้ายกับน้ำหอมผู้ชายซะเหลือเกิน กลิ่นเปิดเข้มข้นและ dark มากๆ สัมผัสได้ถึงคุณภาพของน้ำหอมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหรูหราแบบมีคลาส ให้กลิ่นอายถึงผู้ดีสมัย 40-50 ปีก่อน คล้ายน้ำหอมผู้ชายจากยุควินเทจ โดยมาแบบ Aromatic นุ่มๆ เย็นๆ และออกทางสุขุม ลึกลับ ชวนให้ค้นหา นึกถึงหนังสมัยเก่าที่พระเอกจะมาในลุคคุณชาย สวมสูทสีเทา หวีผมเรียบแปล้ ไว้หนวดจิ๋มแลดูน่ารัก ขับรถยุโรปทรงคลาสสิค ชีวิตหรูหราแบบผู้มีอันจะกิน ซึ่งโดยส่วนตัวรู้สึกว่า ผิดคาดมากๆ ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าจะต้องออกแนวเครื่องเทศเผ็ดร้อน ซาบซ่า Spicy ดูเซ็กจัดรุนแรงเหมือน Gucci rush แต่เอาเข้าจริงๆ กลับเป็นโทน Spicy ที่นุ่มนวลมากๆ สุขุมและเยือกเย็นกว่าที่คิดไว้พอสมควร
สำหรับช่วงกลางเริ่มเบนกลิ่นเข้าโทนผู้หญิงมากขึ้นทีละนิด โดยตัวเด่นของ nu ยังคงเป็นกระวานตัวเดิมจากตอนต้น แต่เพิ่มความเย้ายวนสไตล์ผู้หญิงด้วยดอกกล้วยไม้ พริกไทย และธูปกำยาน ยิ่งทิ้งกลิ่นไว้นานเท่าไหร่ โทน Balsamic จากกำยานก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่วนตัวรู้สึกอึดอัดมากๆแม้จะฉีดเพียง 1 สเปรย์เบาๆลงบนข้อมือ เพราะความหนักแน่นของเนื้อกลิ่นเข้มข้นเอาเรื่องจริงๆ ถ้าไม่อยู่ในประเทศเมืองหนาว มีหิมะตก ไม่แนะนำอย่างยิ่ง
Base Notes ให้กลิ่นเชิง Woody กึ่ง Balsamic ด้วยไม้หอม Sandalwood โดยที่ความอบอวลของกำยานและกระวานยังคงส่งทอดมาถึงช่วงนี้ได้อย่างไม่หยุดแม้จะผ่านไปแล้วกว่า 12 ชั่วโมง แต่กลิ่นยังคงตีขึ้นมาชัดมาก และดูท่าทีจะอยู่อีกยาวได้สบายๆ
nu เป็นน้ำหอมสำหรับผู้หญิง แต่โดยส่วนตัวมองว่าเข้าข่าย unisex นะ ผู้ชายใช้ได้ ไม่สาว ไม่ผิดแปลก อะไร ยิ่งโดยเฉพาะช่วงต้นนี่แมนมากจริงๆ ย้ำอีกครั้งว่ากลิ่นเซ็กซี่และฉุนกึกรุนแรงมาก ถ้าสภาพอากาศไม่หนาวจริงๆแนะนำว่าอย่าฉีดเลย ไม่เช่นนั้นไม่ใช่แค่คนรอบข้างคุณจะเวียนหัว เพราะคุณอาจจะสลบก่อนใครเพื่อนได้ และที่แย่ไปกว่านั้นคือมันเข้มข้นมากซะจนล้างออกไม่หมด ล้างยังไงก็ยังมีกลิ่นติดอยู่ เพราะฉะนั้นใครคิดจะใช้ควรสเปรย์อย่างเบามือเป็นที่สุด ถือว่าเราเตือนกันแล้วนะ แต่ถ้าใครไม่เชื่อ อยากลองด้วยตัวเอง ก็สั่ง decant มาดูนะครับ
______________________________________