[::REVIEW::]
PRADA – INFUSION D’HOMME
Perfumer : Daniela Andrier
Launched Year : 2008
Fragrance Notes
Top Notes : Neroli
Heart Notes : Galbanum, Iris, Vetiver, Cedarwood
Base Notes : Benzoin, Frankincense
___________________________________________
INFUSION D’HOMME เปิดตัวครั้งแรกในงาน Fashion show
Ready-to-Wear สำหรับสุภาพบุรุษ ณ กรุงมิลานในปี
2008 โดยสุคนธกรคือ Daniela Andrier จากสำนักปรุงน้ำหอมของ the house of
Givaudan ซึ่งคุณ Daniela กล่าวว่า เขาใช้เวลากว่า 1 ปีในการศึกษาบุคลิกและลักษณะของผู้ชายในแบบฉบับของ
PRADA เพื่อที่จะรังสรรค์น้ำหอมกลิ่นนี้ออกมาให้ตรงกับภาพลักษณ์ของแบรนด์มากที่สุด
ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็ตรงเป๊ะเลยครับ จะเป็นอย่างไร ลองอ่านรีวิวนี้ดูได้
บอกก่อนว่าปัจจุบัน INFUSION D’HOMME ถูกยกเลิกการผลิตไปเรียบร้อยแล้วนะครับ
ทางแบรนด์ได้ออกน้ำหอมคอลเลคชั่นใหม่ที่มาในชื่อ Les Infusions de PRADA ที่ประกอบด้วยน้ำหอมทั้งหมด
6 กลิ่น (หยิบเอากลิ่นเดิมมาปรับสูตรใหม่ 3 กลิ่น และปรุงขึ้นมาใหม่อีก 3 กลิ่น)
ซึ่ง INFUSION D’HOMME นั้นเป็น 1 ใน 3 ของรุ่นเก่าที่ถูกนำกลับมาเล่าใหม่อีกครั้งหนึ่ง
โดยทางผู้ผลิตได้ทำการปรับโน้ตต่างๆใหม่เพื่อให้กลายเป็นน้ำหอม Unisex
และปรับระดับความเข้มข้นขึ้นมาเป็น Eau de Parfum
พร้อมกับเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น INFUSION D'IRIS CÈDRE ดังนั้นหากใครต้องการรุ่นนี้แต่หาซื้อไม่ได้แล้ว
สามารถใช้รุ่นใหม่ในคอลเลคชั่นนี้แทนกันได้
(แต่กลิ่นต่างจากต้นตำหรับมากน้อยแค่ไหนอันนี้ยังไม่เคยลองนะครับ)
เนื่องจาก INFUSION D’HOMME นั้นเปรียบเสมือนเป็น INFUSION D’IRIS ในด้านของความเป็นชาย
ซึ่งส่วนตัวมีโอกาสได้ลองทั้งคู่พร้อมๆกันแล้ว ต้องบอกเลยว่าเป็นน้ำหอมที่เข้าคู่กันได้ดีมากจริงๆครับ
กลิ่นของทั้งสองนั้นมีความคล้ายคลึงกันสูงมาก โดย INFUSION D’HOMME นั้นยืนหยัดอยู่บนพื้นฐานของโทน
Powdery จากดอกไอริส ดอกไม้ที่ให้กลิ่นแป้งหอม ละมุนจมูก หากทว่ารุ่นนี้กลับไม่ได้ออกทางไอริสเขียวๆใสๆเหมือนอย่างที่พบได้ในรุ่นผู้หญิงแต่อย่างใด
เนื่องจากมันมีความสุขุม นุ่มนวล และอบอวลไปด้วยโทน Soapy สะอาดๆ ว่ากันว่าคล้ายกลิ่นสบู่หรูราคาแพงตามโรงแรม
5 ดาว
ส่วนตัวไม่เคยพักโรงแรมหรูขนาดนั้นเลยไม่ทราบครับว่ามันเหมือนจริงๆหรือเปล่า
แต่ทุกครั้งที่ฉีดกลิ่นนี้ก็พาลทำให้นึกถึงภาพหนุ่มนักธุรกิจ Metrosexual เจ้าสำอางค์
บุคลิกสุขุม เคร่งขรึม เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จใหม่ๆและใช้เครื่องประทินผิวราคาแพง สวมชุดสูทสีเทาควันบุหรี่
ไว้หนวเครานิดๆพอมีเสน่ห์ชวนให้เข้าหา
นอกจากดอกไอริสแล้ว INFUSION D’HOMME ยังมีโน้ตอีกหลายอย่างที่เข้ามาช่วยทำหน้าที่เป็นตัวเสริมอีกครับ
เท่าที่จับกลิ่นได้ก็มี ไม้ Cedar, หญ้าแฝก, ดอก Neroli, Galbanum (ยางไม้ของต้นยี่หร่า),
ธูปหอมและกำยานต่างๆที่ให้กลิ่นโทน
Balsamic แน่นๆในช่วงปลาย
กลิ่นเมื่อแรกฉีดในช่วง Top Notes นั้นนำด้วยโทน
Floral, Powdery และ Soapy ซึ่งสิ่งแรกที่จับกลิ่นได้ในทันทีนั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากดอกไอริส
ที่เปิดตัวด้วยความสดชื่นแบบฉ่ำๆ แน่นๆ และค่อนข้างอบอวลไปด้วยกลิ่นสบู่สะอาดสะอ้าน
ราวกับเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ แซมกลิ่นหอมใสๆของดอก Neroli อ่อนๆ ทำให้ภาพที่ลอยเข้ามาในจินตนาการของช่วงต้นนั้นเป็นภาพของหนุ่มฝรั่งร่างกำยำ
นุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวออกมาจากห้องน้ำ กลิ่นสบู่ลอยฟุ้งออกมา ยืนแต่งตัวในห้องสลัวๆ
อากาศเย็นๆ กลิ่นเปิดด้วยโทนดอกไม้ก็จริงแต่ไม่ได้มาแบบ Floral จ๋าจนดูสาวนะครับ
หนุ่มๆใช้ได้สบาย ยิ่งใครบุคลิก Metrosexual
ยิ่งเข้ากันดี
ช่วงกลางเริ่มเบนเข็มเข้าทาง Woody มากขึ้น
ซึ่งก็เป็นผลมาจากโน้ตของไม้ Cedar ที่เข้ามาร่วมวงกับดอกไอริสตัวเดิม
แซมกลิ่นสดชื่นของหญ้าแฝกนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วยังคงได้รับรู้ถึงความสะอาดสะอ้านเช่นเดียวกับตอนต้นไม่มีเปลี่ยน
หากแต่พ่วงเข้ามาด้วยความ Sexy และเย้ายวนแบบมีระดับ และในทางกลับกัน
กลิ่นก็แสดงออกถึงความสุภาพได้อีกเช่นกัน
ช่วงสุดท้ายของกลิ่น ออกทาง Woody และ Balsamic
ค่อนข้างชัดเจนครับ
โดยส่วนผสมเด่นของช่วงนี้นอกจากจะยังคงเป็นดอกไอริสเจ้าเดิมแล้ว
ยังมีโน้ตตระกูลเรซิ่นต่างๆเข้ามาร่วมวงอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Benzoin (กำยาน), Galbanum
(ยางไม้ของต้นยี่หร่า),
Olibanum (กำยาน หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Frankincense) กลิ่นของช่วงนี้จะ sexy แบบลึกลับ น่าค้นหา
เพราะฉะนั้นกลิ่นนี้ใส่ออกงานกลางคืนได้สบายๆ
INFUSION D’HOMME มาในเบสความเข้มข้นระดับ Eau de Toilette แต่ด้วยความที่เนื้อกลิ่นของมันค่อนข้างมีความหนักแน่นและอบอวลในระดับหนึ่ง
จึงส่งผลให้ค่าความติดทนและกระจายตัวของมันทำได้ดีทีเดียวครับ ดีในระดับที่เทียบเท่าหรืออาจจะทำได้ดีกว่า
INFUSION D’IRIS ที่มาในเบส Eau de Parfum ได้สบายๆเลย จากที่เคยได้รับหลอด vial เล็กๆมาเป็นของขวัญและได้ทดลองใช้กับผิวโดยตรงพบว่าติดทนได้ถึง
10 ชั่วโมง (อาจจะได้นานกว่านั้นอีกแต่อาบน้ำก่อน)
การกระจายกลิ่นชัดในระดับปานกลาง ในช่วงแรกฉีดที่กลิ่นจะหนักจมูกไปซักนิด อาจมีแน่นหรืออึดอัดบ้างเมื่อฉีดใหม่ๆ
แต่ถ้าเป็นคนชอบใส่น้ำหอมกลิ่นแรงๆอยู่แล้ว กลิ่นแค่นี้ก็น่าจะสบายๆครับ
เหมาะสำหรับหนุ่มๆวัยทำงานเป็นต้นไป ใครทำงานออฟฟิศหรือทำงานต้องสวมชุดสูทสีเข้มๆเป็นประจำ
หากมีบุคลิกขรึมๆ มีภูมิฐาน แต่เป็นคนแต่งตัวเก่ง แต่งอะไรก็ต้องมีกลิ่นอายแฟชั่นติดมาเสมอ
แนะนำให้ลองรุ่นนี้ดูครับ กลิ่นของน้ำหอมกับบุคลิกและการแต่งกายน่าจะไปทางเดียวกันได้ดี
ใส่ทำงานหรือโอกาสที่ต้องการความสุภาพก็ใช้ได้ หรือโอกาสพิเศษที่ต้องการความเซ็กซี่ยามค่ำคืนก็ใช้ได้เช่นกัน
ใครยังไม่มีรีบตามหานะครับ ตอนนี้เริ่มหายากแล้ว แต่หากใครไม่ซีเรียส
จะลองใช้รุ่นใหม่ที่ PRADA เพิ่งปรับสูตรไปก็ไม่มีปัญหา :D
___________________________________________