วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559

[::REVIEW::] PRADA – INFUSION D’HOMME


[::REVIEW::]
PRADA – INFUSION D’HOMME
Perfumer : Daniela Andrier
Launched Year : 2008


Fragrance Notes
Top Notes : Neroli
Heart Notes : Galbanum, Iris, Vetiver, Cedarwood
Base Notes : Benzoin, Frankincense

___________________________________________


               INFUSION D’HOMME เปิดตัวครั้งแรกในงาน Fashion show Ready-to-Wear สำหรับสุภาพบุรุษ ณ กรุงมิลานในปี 2008 โดยสุคนธกรคือ Daniela Andrier จากสำนักปรุงน้ำหอมของ the house of Givaudan ซึ่งคุณ Daniela กล่าวว่า เขาใช้เวลากว่า 1 ปีในการศึกษาบุคลิกและลักษณะของผู้ชายในแบบฉบับของ PRADA เพื่อที่จะรังสรรค์น้ำหอมกลิ่นนี้ออกมาให้ตรงกับภาพลักษณ์ของแบรนด์มากที่สุด ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็ตรงเป๊ะเลยครับ จะเป็นอย่างไร ลองอ่านรีวิวนี้ดูได้

               บอกก่อนว่าปัจจุบัน INFUSION D’HOMME ถูกยกเลิกการผลิตไปเรียบร้อยแล้วนะครับ ทางแบรนด์ได้ออกน้ำหอมคอลเลคชั่นใหม่ที่มาในชื่อ Les Infusions de PRADA ที่ประกอบด้วยน้ำหอมทั้งหมด 6 กลิ่น (หยิบเอากลิ่นเดิมมาปรับสูตรใหม่ 3 กลิ่น และปรุงขึ้นมาใหม่อีก 3 กลิ่น) ซึ่ง INFUSION D’HOMME นั้นเป็น 1 ใน 3 ของรุ่นเก่าที่ถูกนำกลับมาเล่าใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยทางผู้ผลิตได้ทำการปรับโน้ตต่างๆใหม่เพื่อให้กลายเป็นน้ำหอม Unisex และปรับระดับความเข้มข้นขึ้นมาเป็น Eau de Parfum พร้อมกับเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น INFUSION D'IRIS CÈDRE ดังนั้นหากใครต้องการรุ่นนี้แต่หาซื้อไม่ได้แล้ว สามารถใช้รุ่นใหม่ในคอลเลคชั่นนี้แทนกันได้ (แต่กลิ่นต่างจากต้นตำหรับมากน้อยแค่ไหนอันนี้ยังไม่เคยลองนะครับ)

               เนื่องจาก INFUSION D’HOMME นั้นเปรียบเสมือนเป็น INFUSION D’IRIS ในด้านของความเป็นชาย ซึ่งส่วนตัวมีโอกาสได้ลองทั้งคู่พร้อมๆกันแล้ว ต้องบอกเลยว่าเป็นน้ำหอมที่เข้าคู่กันได้ดีมากจริงๆครับ กลิ่นของทั้งสองนั้นมีความคล้ายคลึงกันสูงมาก โดย INFUSION D’HOMME นั้นยืนหยัดอยู่บนพื้นฐานของโทน Powdery จากดอกไอริส ดอกไม้ที่ให้กลิ่นแป้งหอม ละมุนจมูก หากทว่ารุ่นนี้กลับไม่ได้ออกทางไอริสเขียวๆใสๆเหมือนอย่างที่พบได้ในรุ่นผู้หญิงแต่อย่างใด เนื่องจากมันมีความสุขุม นุ่มนวล และอบอวลไปด้วยโทน Soapy สะอาดๆ ว่ากันว่าคล้ายกลิ่นสบู่หรูราคาแพงตามโรงแรม 5 ดาว ส่วนตัวไม่เคยพักโรงแรมหรูขนาดนั้นเลยไม่ทราบครับว่ามันเหมือนจริงๆหรือเปล่า แต่ทุกครั้งที่ฉีดกลิ่นนี้ก็พาลทำให้นึกถึงภาพหนุ่มนักธุรกิจ Metrosexual เจ้าสำอางค์ บุคลิกสุขุม เคร่งขรึม เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จใหม่ๆและใช้เครื่องประทินผิวราคาแพง สวมชุดสูทสีเทาควันบุหรี่ ไว้หนวเครานิดๆพอมีเสน่ห์ชวนให้เข้าหา

               นอกจากดอกไอริสแล้ว INFUSION D’HOMME ยังมีโน้ตอีกหลายอย่างที่เข้ามาช่วยทำหน้าที่เป็นตัวเสริมอีกครับ เท่าที่จับกลิ่นได้ก็มี ไม้ Cedar, หญ้าแฝก, ดอก Neroli, Galbanum (ยางไม้ของต้นยี่หร่า), ธูปหอมและกำยานต่างๆที่ให้กลิ่นโทน Balsamic แน่นๆในช่วงปลาย

               กลิ่นเมื่อแรกฉีดในช่วง Top Notes นั้นนำด้วยโทน Floral, Powdery และ Soapy ซึ่งสิ่งแรกที่จับกลิ่นได้ในทันทีนั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากดอกไอริส ที่เปิดตัวด้วยความสดชื่นแบบฉ่ำๆ แน่นๆ และค่อนข้างอบอวลไปด้วยกลิ่นสบู่สะอาดสะอ้าน ราวกับเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ แซมกลิ่นหอมใสๆของดอก Neroli อ่อนๆ ทำให้ภาพที่ลอยเข้ามาในจินตนาการของช่วงต้นนั้นเป็นภาพของหนุ่มฝรั่งร่างกำยำ นุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวออกมาจากห้องน้ำ กลิ่นสบู่ลอยฟุ้งออกมา ยืนแต่งตัวในห้องสลัวๆ อากาศเย็นๆ กลิ่นเปิดด้วยโทนดอกไม้ก็จริงแต่ไม่ได้มาแบบ Floral จ๋าจนดูสาวนะครับ หนุ่มๆใช้ได้สบาย ยิ่งใครบุคลิก Metrosexual ยิ่งเข้ากันดี

               ช่วงกลางเริ่มเบนเข็มเข้าทาง Woody มากขึ้น ซึ่งก็เป็นผลมาจากโน้ตของไม้ Cedar ที่เข้ามาร่วมวงกับดอกไอริสตัวเดิม แซมกลิ่นสดชื่นของหญ้าแฝกนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วยังคงได้รับรู้ถึงความสะอาดสะอ้านเช่นเดียวกับตอนต้นไม่มีเปลี่ยน หากแต่พ่วงเข้ามาด้วยความ Sexy และเย้ายวนแบบมีระดับ และในทางกลับกัน กลิ่นก็แสดงออกถึงความสุภาพได้อีกเช่นกัน

               ช่วงสุดท้ายของกลิ่น ออกทาง Woody และ Balsamic ค่อนข้างชัดเจนครับ โดยส่วนผสมเด่นของช่วงนี้นอกจากจะยังคงเป็นดอกไอริสเจ้าเดิมแล้ว ยังมีโน้ตตระกูลเรซิ่นต่างๆเข้ามาร่วมวงอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Benzoin (กำยาน), Galbanum (ยางไม้ของต้นยี่หร่า), Olibanum (กำยาน หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Frankincense) กลิ่นของช่วงนี้จะ sexy แบบลึกลับ น่าค้นหา เพราะฉะนั้นกลิ่นนี้ใส่ออกงานกลางคืนได้สบายๆ

               INFUSION D’HOMME มาในเบสความเข้มข้นระดับ Eau de Toilette แต่ด้วยความที่เนื้อกลิ่นของมันค่อนข้างมีความหนักแน่นและอบอวลในระดับหนึ่ง จึงส่งผลให้ค่าความติดทนและกระจายตัวของมันทำได้ดีทีเดียวครับ ดีในระดับที่เทียบเท่าหรืออาจจะทำได้ดีกว่า INFUSION D’IRIS ที่มาในเบส Eau de Parfum ได้สบายๆเลย จากที่เคยได้รับหลอด vial เล็กๆมาเป็นของขวัญและได้ทดลองใช้กับผิวโดยตรงพบว่าติดทนได้ถึง 10 ชั่วโมง (อาจจะได้นานกว่านั้นอีกแต่อาบน้ำก่อน) การกระจายกลิ่นชัดในระดับปานกลาง ในช่วงแรกฉีดที่กลิ่นจะหนักจมูกไปซักนิด อาจมีแน่นหรืออึดอัดบ้างเมื่อฉีดใหม่ๆ แต่ถ้าเป็นคนชอบใส่น้ำหอมกลิ่นแรงๆอยู่แล้ว กลิ่นแค่นี้ก็น่าจะสบายๆครับ

               เหมาะสำหรับหนุ่มๆวัยทำงานเป็นต้นไป ใครทำงานออฟฟิศหรือทำงานต้องสวมชุดสูทสีเข้มๆเป็นประจำ หากมีบุคลิกขรึมๆ มีภูมิฐาน แต่เป็นคนแต่งตัวเก่ง แต่งอะไรก็ต้องมีกลิ่นอายแฟชั่นติดมาเสมอ แนะนำให้ลองรุ่นนี้ดูครับ กลิ่นของน้ำหอมกับบุคลิกและการแต่งกายน่าจะไปทางเดียวกันได้ดี ใส่ทำงานหรือโอกาสที่ต้องการความสุภาพก็ใช้ได้ หรือโอกาสพิเศษที่ต้องการความเซ็กซี่ยามค่ำคืนก็ใช้ได้เช่นกัน ใครยังไม่มีรีบตามหานะครับ ตอนนี้เริ่มหายากแล้ว แต่หากใครไม่ซีเรียส จะลองใช้รุ่นใหม่ที่ PRADA เพิ่งปรับสูตรไปก็ไม่มีปัญหา :D

___________________________________________