วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[::REVIEW::] BVLGARI – Mon JASMIN NOIR L’EAU EXQUISE


[::REVIEW::]
BVLGARI – Mon JASMIN NOIR L’EAU EXQUISE
Perfumer : Sophie Labbé
Launched Year : 2012 


Fragrance Notes
Top Notes : Pink pomelo, Green almond
Middle Notes : Jasminum Grandiflorum, Jasmine Sambac, White Tea
Base Notes : White musk, Woods

__________________________________________


               Mon JASMIN NOIR L’EAU EXQUISE ถือกำเนิดขึ้นในปี 2012 หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพียง 1 ปี ทางแบรนด์ได้หยิบเอา JASMIN NOIR ขวดดำมาปัดฝุ่นแปลงโฉมใหม่ให้มีความทันสมัยและใช้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยเผยด้านสว่างไสวของดอกมะลิออกมา และส่งออกวางขายสู่ท้องตลาดภายใต้ชื่อ “Mon JASMIN NOIR” ที่มีความหมายคือ My Black Jasmine
               สำหรับ flanker รุ่นนี้ถูกตั้งชื่อห้อยท้ายว่า L’EAU EXQUISE ซึ่งร้อยละ 90 ของน้ำหอมที่มีคำว่า L’eau ปรากฏอยู่ในชื่อมักจะหมายถึงกลิ่นของน้ำหอมนั้นอ่อนบางลง และมีความสดชื่นมากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นต้นแบบที่ออกมาก่อนหน้า (L’eau = Le Eau หรือ the water แปลว่าน้ำ ความหมายเดียวกันกับ Eau de … ต่างๆ ซึ่งถ้าเปรียบให้เห็นภาพก็เหมือนกับเอาน้ำหอมรุ่น original มาทำให้เจือจางหรือเบาลง คล้ายๆกับผสมน้ำนั้นแหละ) ส่วนคำว่า Exquise นั้นมีความหมายว่า ประณีต งดงาม สื่อถึงกลิ่นของน้ำหอมที่แม้จะปรับโน้ตใหม่ให้มีความสดชื่นมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงความงดงามไม่แพ้รุ่นต้นแบบ และอีกนัยน์หนึ่งก็คิดว่าน่าจะหมายถึงรูปลักษณ์ของตัวขวดด้วยครับ เพราะในรุ่นนี้แม้มาในขวดทรงเดียวกับ Mon JASMIN NOIR รุ่นก่อน แต่ก็มีการออกแบบลวดลายบริเวณบริเวณก้นขวดออกมาเป็นลายดอกไม้ เมื่อมองผ่านน้ำหอมสีเขียวอ่อนที่บรรจุอยู่ภายในขวดก็ชวนให้นึกถึงอัญมณีที่เรียงรายกันอยู่ที่ก้นขวด ส่องประกายระยิบระยับสะท้อนผิวน้ำขึ้นมาได้ด้วย


               มาเข้ารีวิวเรื่องของกลิ่นกันบ้างดีกว่า ดังที่ได้กล่าวไปนะครับว่ารุ่นนี้ถูกปรับกลิ่นของ Mon JASMIN NOIR ให้มีความสดชื่นขึ้น ซึ่งหลังจากที่ได้ลองเทสกลิ่นดูก็พบว่ามันสดชื่นขึ้นเยอะมากจริงๆ กลิ่นหวานๆของตังเมและเกล็ดน้ำตาลต่างๆที่พบได้ในรุ่นก่อนนั้นหายไปเลย โดยตัวนี้จะเน้นกลิ่นเด่นโฟกัสไปที่กลิ่นของใบชาและดอกมะลิซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าหากใครเป็นแฟนน้ำหอม BVLGARI อยู่แล้วก็น่าจะพอสังเกตเห็นบ้างนะครับว่าในระยะ 3-4 ปีให้หลังมานี้ น้ำหอม BVLGARI ที่ออกมาใหม่นั้น นอกจากไลน์ Eau Parfumée แล้วก็แทบจะไม่มีกลิ่นไหนที่มีโน้ตของใบชาเป็นส่วนประกอบเลย ทำให้น้ำหอมรุ่นใหม่ๆดูไม่มีเอกลักษณ์ความเป็น BVLGARI เท่าไหร่นัก แต่ Mon JASMIN NOIR L’EAU EXQUISE กลิ่นนี้มีโน้ตชาอยู่ด้วย โดยเป็นกลิ่นของชาขาว ซึ่งมอบความอ่อนโยน เย็นสบาย และสะอาดสะอ้าน ได้กลิ่นแล้วก็สดชื่นปรอดโปร่งดีทีเดียว โดยในขณะเดียวกันก็ยังคงได้กลิ่นละมุนๆของดอกมะลิที่มอบความอ่อนหวานแบบ feminine เคล้าคลอกันไปอยู่ตลอดเวลา

               ในช่วง Top Notes นั้นเปิดตัวด้วยกลิ่นสดชื่นดีทีเดียวครับ โดยช่วงแรกจะเน้นหนักมาทางโทน Citrus ค่อนข้างมากหน่อย กลิ่นตีเข้าจมูกแว้บแรกชวนให้นึกถึง Un Jardin Sur Le Nil ของค่าย HERMÈS ขึ้นมาเลย ซึ่งก็เป็นผลมาจากผลส้มโอพันธุ์ Pink Pomelo ที่มีเนื้อสีชมพู ให้กลิ่นโทน Citrus สดชื่น ผสานกับกลิ่นสะอาดๆของชาขาวที่มีความเขียวปนฝาดอ่อนๆตามธรรมชาติของกลิ่นชา และในขณะเดียวกัน กลิ่นโทน Floral หวานๆใสๆของดอกมะลิก็ปรากฏตัวแล้วด้วยเช่นกันครับ รวมกันแล้วชวนนึกถึงเวลาบ่ายๆที่นั่งอยู่ระเบียงบ้าน จิบชามะลิเย็นๆ กับบรรยากาศที่มองทอดออกไปแล้วเจอภูเขาสีเขียวขจี จะเห็นว่า main accord ทุกตัวของน้ำหอมกลิ่นนี้ก็ได้พวยพุ่งออกมากันตั้งแต่ต้นกันแล้ว ซึ่งกลิ่นเปิดตัวในช่วงนี้ถ้าใครได้ลองก็น่าจะตกหลุมพรางมันได้อย่างง่ายดาย เพราะกลิ่นเข้าถึงง่ายแบบสุดๆ ใครได้กลิ่นก็มักจะชอบกันตั้งแต่ครั้งแรก

               เมื่อเริ่มดำเนินเข้าสู่ช่วง Middle Notes โน้ตกลุ่ม Citrus จากตอนต้นได้ fade ตัวลง ส่งผลให้กลิ่นหอมหวานอ่อนๆของดอกมะลินั้นเฉิดฉายมากยิ่งขึ้น ตามข้อมูลระบุโน้ตดอกมะลิไว้ถึง 2 สายพันธุ์ด้วยกัน คือ Jasminum Grandiflorum และ Jasmine Sambac แต่ส่วนตัวรู้จักเฉพาะอย่างหลัง ซึ่งพบได้ในกลุ่มน้ำหอมของ Dior หลายๆกลิ่น ยกตัวอย่างเช่น J’adore และ HYPNOTIC POISON หากทว่ามะลิที่มีอยู่ใน BVLGARI กลิ่นนี้ไม่ได้ออกทาง Floral นวลแน่นเหมือน Dior ทั้งสองที่ยกตัวอย่างไปนะครับ ออกทางหวานใสๆ ละมุนๆ เพราะผสมกับกลิ่นใสๆบางๆของชาขาว ซึ่งปรับกลิ่นดอกมะลิให้เอนเอียงมาทางสะอาดและโปร่งเบามากเลยทีเดียว ฉีดยามอากาศร้อนๆนี่เรียกชีวิตชีวากลับมาได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ

               สำหรับช่วง Base นั้น ตามข้อมูลระบุโน้ตของ White Musk กับ กลิ่นโทน Woody เอาไว้ ส่วนตัวพอจะจับกลิ่นของ Musk ได้พอสมควร แต่โทน Woody นั้นไม่รู้สึกถึงมันซักเท่าไหร่ ยังไงก็ดี ช่วงนี้ยังคงเด่นด้วยกลิ่นชาขาวผสมดอกมะลิอ่อนๆบางๆเหมือนเดิมครับ ส่วนตัวแอบนึกถึง Still ของ Jennifer lopez ได้นิดหน่อย คงเป็นเพราะกลิ่นชาและมะลิที่มาแบบใสๆบางๆนี่ล่ะ

               Mon JASMIN NOIR L’EAU EXQUISE มาในเบสความเข้มข้นของหัวน้ำหอมระดับ Eau de Toilette (ซึ่งปรับลงจากรุ่นก่อนที่เป็น Eau de Parfum) ใน คหสต. รุ่นนี้กับรุ่นก่อนกลิ่นไม่เหมือนกันเลยนะครับ มีมะลิเป็นตัวโยงให้ทั้งสองเข้าหากันได้ก็จริง แต่โน้ตประกอบอื่นๆนั้นไปคนละทางเลย รุ่นก่อนออกทางดอกมะลิที่หวานหยดย้อย เคลือบเกล็ดน้ำตาลและขนมตังเมหวานๆ แต่รุ่นนี้กลับให้ความรู้สึกถึงชามะลิเย็นๆที่แสนสดชื่น มีความหวานแบบธรรมชาติ และค่อนข้างใสสว่าง ระยิบระยับ ดังนั้นถ้าใครที่ลองรุ่นเดิมแล้วรู้สึกกลิ่นมันหวานไป หรือไม่ชอบโทน Gourmand ต้องการกลิ่นสดชื่นแบบ Fan di FENDI Eau Fraîche, Un Jardin Sur Le Nil หรือ Elizabeth Arden – Green Tea ควรลองรุ่นนี้ดู

                ติดทนไม่มากเท่าไหร่ครับ จากที่เคยใช้กับตัวมาพบว่าอยู่บนผิวได้ราวๆ 4-6 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่ง 80% ของช่วงอายุกลิ่นนั้นแทบจะไม่มีการกระจายใดๆเกิดขึ้นเลย คือต้องดมในระยะที่จมูกอยู่ใกล้ผิวมากๆจึงจะได้กลิ่นอ่อนๆกระจายออกมา แต่หากสเปรย์หนักมือขึ้นมาหน่อยก็อาจจะทำให้กลิ่นชัดขึ้นได้ในระดับนึงครับ (แต่ส่วนตัวไม่เคยเปรย์เยอะนะ เสียดาย อิอิ) เหมาะสำหรับโอกาสสบายๆทั่วไปในฤดูร้อน สาวๆอายุ 17 – 18 ปีขึ้นไปก็ใช้ได้แล้วครับ

__________________________________________