[::REVIEW::]
Jean Paul GAUTIER – LE MALE
Perfumer : Francis Kurkdjian
Launched Year : 1995
Fragrance Notes
Top Notes : Bergamot, Tarragon, Cardamom, Lavender, Mint
Middle Notes : Caraway, Neroli, Cinnamon
Base Notes : Amber, Sandalwood, Tonka bean, Vanilla,
Cedarwood
___________________________________________________
คิดว่าทุกๆท่านที่ได้รู้จักกับ LE MALE คงจะเคยได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างผ่านหูกันมาบ้างนะครับ
ว่าน้ำหอมกลิ่นนี้คือน้ำหอมเกย์ กว่า 20 ปีที่ Jean Paul GAUTIER ส่ง LE
MALE ออกมาวางขายสู่ตลาดมันก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในหมู่ชาวเกย์ทั่วโลกมาโดยตลอด
เรียกได้ว่าแทบจะถูกยกให้เป็นน้ำหอมเกย์แห่งสหประชาชาติไปแล้วก็น่าจะประมาณนั้นเลยครับ
เนื่องด้วยชื่อเสียงที่โด่งดังทางด้านนี้ จึงเป็นเหตุให้ชาย(แท้)หลายๆคนเกิดอาการลังเล
ไม่กล้าใช้ เนื่องจากกลัวจะโดนทักหรือเข้าใจผิดจากคนรอบข้างเอาได้ แต่ในทางตรงกันข้าม
ชายแท้ๆที่ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้ก็ยังมีเยอะมากๆเช่นเดียวกัน
LE MALE เป็นน้ำหอมชายอีกกลิ่นหนึ่งในท้องตลาดที่ขึ้นชื่อมากในเรื่องของกลิ่นที่มีความเซ็กซี่
เย้ายวน รัญจวนใจ และมีแรงดึงดูดแก่ฝ่ายตรงข้ามสูงไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นชายหรือหญิงก็ตาม
มันดำรงตำแหน่งน้ำหอม Classic จากฝ่ายชายของ Jean Paul GAUTIER เพราะเป็นน้ำหอมชายตัวแรกของแบรนด์ที่แม้จะออกวางขายมาตั้งแต่ปี
1995 แต่ก็ยังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง แถมยังขายดีไม่มีตกมาจนถึงทุกวันนี้ ขายดีจนถึงขนาดแตก
flanker เวอร์ชั่นต่างๆตามหลังออกมาอีกมากมายให้นักสะสมได้เสียเงินกันอยู่เรื่อยไป
สำหรับ LE MALE รุ่นนี้มาในเบสความเข้มข้นของหัวน้ำหอมระดับ
Eau de Toilette นะครับ ให้กลิ่นแนว Aromatic, Oriental, Spicy, Woody และ Vanilla
ที่ประกอบด้วยโน้ตมากมายหลายอย่างด้วยกัน
หากแต่สิ่งที่โดดชัดมากที่สุดที่จับกลิ่นได้แบบเต็มๆนั้นมีเพียง 3 อย่าง คือ
ลาเวนเดอร์, ใบมินต์, และวานิลลา
ที่จะหล่อหลอมรวมกันกับโน้ตรองอีกมายมายหลายชนิดเพื่อส่งกลิ่นหอมสดชื่นแต่ลุ่มลึกและหนักแน่น
เซ็กซี่ เย้ายวน แต่มีความเข้มแข็ง
และอ่อนหวานในคราวเดียวกัน นับเป็นน้ำหอมกลิ่นหนึ่งที่มีความซับซ้อนและให้อารมณ์ที่หลากหลายในกลิ่นๆเดียว
กลิ่นเปิดตัวนั้นพบได้กับความหนักแน่น เข้มข้น
และเซ็กซี่ระเบิดมากเหลือเกิน จับกลิ่นโน้ตหลักทั้ง 3 ตัวได้ตั้งแต่วินาทีแรก
ซึ่งเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ที่ถูกคุมโทนให้มีความ aromartic แบบทุ้ม นุ่มนวล และออกหวานในสไตล์น้ำหอมผู้ชายด้วยโน้ตของวานิลลา
แต่ถึงกระนั้น ในช่วงต้นเองก็พบกับความสดชื่นได้ครับ
มาจากใบมินต์ที่ให้ความเย็นยะเยือกล่องลอยปะปนมาบางๆ ซึ่งก็พอช่วยในการปรับกลิ่นช่วงต้นให้มีความโปร่งเบาจมูกขึ้นมาได้นิดหน่อย
น่าเสียดายที่มินต์อยู่ให้จับกลิ่นได้แค่นั้นจริงๆ
เพราะหลังจากนั้น เมื่อเข้าช่วงกลางที่ปราศจากความเย็นยะเยือกของใบมินต์แล้ว ก็เริ่มเข้าสู่ห้วงของความเข้มข้นแบบสุดขีด
พาคุณดำดิ่งลงไปพบกับความนุ่มนวลแบบดาร์คๆที่สุดแสนจะเข้มข้น ลึกลับ น่าค้นหา
และเซ็กซี่แบบจัดเต็มจริงๆ ไม่ใช่โทนขี้เล่นปนเซ็กซี่นะครับ
แต่ออกทางยั่วยวนล่อมาให้ติดกับดักเลยล่ะ เพราะฉะนั้น
โอกาสเดียวที่เหมาะสมแก่การใช้งาน คือใส่ไปเพื่อหว่านเสน่ห์โปรยปรายใส่ชายหนุ่มในคืนออกล่าเหยื่อตามผับบาร์หรือร้านเหล้าชื่อดังใจกลางเมือง
เพราะคงจะไม่เหมาะสมอย่างมากถ้าจะใส่ทำงานหรือเที่ยวพักผ่อนในวันชิลๆ ในช่วงนี้มีความ Spicy เพิ่มขึ้นอีกหน่อย
โดยคาดว่าน่าจะเป็นผลพวงมาจากโน้ตของ Cinnamon กระวาน
และยี่หร่า ที่ทำหน้าที่เป็นตัวรองของช่วงนี้
เบสโน้ตกลิ่นวานิลลาเด่นมากครับ
มาเคียงคู่กับลาเวนเดอร์ตัวเดิม แต่ดูเหมือนว่าในช่วงนี้วานิลลาจะเด่นมากกว่าเพราะกลบลาเวนเดอร์ไปเยอะ
กลิ่นช่วงนี้มีความหวานทุ่ม นุ่มนวล นุ่มลึกเช่นเดียวกับกลิ่นที่ได้สัมผัสในตอนต้นและกลาง
ส่วนตัวแอบรู้สึกถึง au masculin ของ Lolita Lempicka ได้ในด้านความหวานของวานิลลาที่มาแบบหนักแน่น
นวลเนียน และนอกจากนี้โน้ตประกอบอื่นๆของช่วงเบสยังมีถั่ว Tonka Bean, Sandalwood และ
Amber
ที่คอยหนุนหลังวานิลลาในช่วงสุดท้ายอยู่ด้วย
แม้ LE MALE จะมาในเบสของหัวน้ำหอมระดับ Eau de Toilette แต่ด้วยความปังทะลุความเป็นชายของมันจึงทำให้ความทนและการกระจายของกลิ่นทำได้ดีมากครับ
ถ้าไม่บอกแต่แรกก็คงเดาว่าเป็นน้ำหอมประเภท Eau de Parfum แน่ๆ ฉีดตอนเช้า ค่ำๆยังได้กลิ่นอยู่แน่นอน
ซึ่งการกระจายตัวก็ทำได้ดีมากเช่นกัน เพราะจากที่ได้กลิ่นจากคนรอบข้างกลิ่นฟุ้งทำระยะได้ไกลเป็นเมตร
ดังนั้น ไม่ต้องใช้เยอะนะครับ ใช้แต่น้อยก็พอ และไม่ควรใส่ยามกลางวันแดดร้อนๆด้วย
ถ้าเป็นไปได้ก็เก็บไว้ใช้ยามกลางคืนหรือฤดูหนาวจะดีกว่า (แต่ส่วนตัวบอกเลยว่าไม่ชอบเอาซะมากๆ
ต่อให้หนาวแค่ไหนก็คงต้องเลี่ยงอย่างแน่นอน เพราะเวียนหัวเหลือเกิน -,.-)
เหมาะสำหรับชายวัยเรียนเป็นต้นไปครับ ควรใส่เมื่อมีไปเที่ยวกลางคืน
ร้านเหล้า ผับ บาร์ หรืองานปาร์ตี้สังสรรต่างๆเท่านั้น ไม่ควรใส่ไปเรียน ทำงาน
หรือใส่เล่นชิลๆในวันหยุด เพราะกลิ่นแรงมากเกินไป อาจจะรบกวนผู้อื่นได้
หรือถ้าชอบจริงๆ อยากใช้จริงๆ ก็แนะนำให้สเปรย์อย่างเบามือหน่อย
ควบคุมปริมาณให้พอเหมาะจะโอเคขึ้น สำหรับผู้ชาย(แท้)หลายๆคนที่ไม่กล้าใช้น้ำหอมกลิ่นนี้ทั้งๆที่ลองแล้วชอบกลิ่น
อาจจะเพราะกลัวถูกทักผิดหาว่าเป็นเกย์ หรือกลัวมีเกย์เข้ามาชอบก็แล้วแต่
ไม่ต้องคิดมากนะครับ ถ้าชอบกลิ่นก็ใช้ได้เลย น้ำหอมไม่เคยจำกัดเพศผู้ใส่
มีแต่คนที่กำหนดมันขึ้นมา อย่างน้ำหอมบางกลิ่นตราไว้ว่า For Women แต่กลิ่นกลับออกทาง
Unisex ชัดเจน จนผู้ชายแมนๆหลายคนใส่กันก็มี เช่น AMBRE
GRIS โดย Pierre Balmain เป็นต้น
___________________________________________________