[::REVIEW::]
Calvin Klein - BEAUTY
Perfumer : Sophie Labbé
Launched Year : 2010
Fragrance Notes
Top Notes : Ambrette
Middle Notes : Jasmine
Base Notes : Cedarwood
__________________________________________________
BEAUTY น้ำสีทองออกมาเป็นรุ่นแรกของไลน์ในปี 2010 ก่อนจะแตก flanker อย่าง
SHEER BEAUTY และ SHEER BEAUTY ESSENCE ตามหลังออกมาในปี 2012 และ 2013 ตามลำดับ
รุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดอก Calla Lily ที่ Sophie
Labbé ผู้รับหน้าที่สุคนธกรประจำกลิ่นนี้ได้เปรียบเปรยเอาไว้ว่า เป็นดอกไม้ที่สามารถแสดงให้เห็นถึงความงดงามจากภายในของหญิงสาวออกมาได้
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าน้ำหอมกลิ่นนี้จะมีโน้ตของดอกลิลลี่เป็นส่วนผสมแต่อย่างใดนะครับ
Perfumer เขาเลือกใช้ดอกมะลิเป็น center กลางของกลิ่นแทนดอกลิลลี่ซะอย่างงั้นไป
สาวๆที่กำลังมองหาน้ำหอมกลิ่นดอกมะลิที่มีความสวยงาม ติดหรูหราเฉดสีทองระยิบระยับ
และเนื้อกลิ่นมีความทันสมัยแฝงอยู่ชัด น่าจะต้องชอบครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวกน้ำหอมกลิ่นดอกมะลิ ไม่ควรจะพลาดน้ำหอมกลิ่นนี้เลย
เพราะเป็นกลิ่นมะลิที่สมจริงอีกตัวหนึ่งที่เลยทีเดียวล่ะ
BEAUTY ให้กลิ่นแนว Floral ที่มีโน้ตหลักอย่างเป็นทางอยู่เพียง 3 อย่าง คือดอกมะลิที่รับหน้าที่เป็นตัวเด่น รองด้วยเมล็ด Ambrette seed และไม้สน Cedar เมื่อทั้ง 3 ผสมผสานรวมกันออกมาแล้วให้กลิ่นดอกมะลิสดๆเพียวๆที่ฉายเดี่ยวแบบไม่มีอะไรแอบแฝงเจือปน
และเป็นกลิ่นมะลิที่ค่อนข้างจะให้ความรู้สึกหลากหลายในกลิ่นเดียว มันมีทั้งความสดชื่น
อ่อนหวาน อบอุ่น ละมุนนวลเนียน และเซ็กซี่เย้ายวนปะปนกันไป
ช่วง Top Notes นั้นตามข้อมูลแจ้งว่าเป็นช่วงของเมล็ด
Ambrette Seeds ที่ให้กลิ่นในโทน Musky และจัดอยู่ในตระกูลเดียวกับ
musk หากแต่สิ่งแรกและเป็นเพียงสิ่งเดียวที่โดดออกมาให้จับกลิ่นได้ตั้งแต่ต้นเลยเป็นกลิ่นโทน Floral นวลๆของดอกมะลิครับ
มาแบบเย็นๆ นวลฉ่ำ ซึ่งมีทั้งความสดชื่น หรูหรา นุ่มนวล ละมุนละไม และทันสมัย ควบคู่ไปกับโทนอบอุ่นเฉดสีทองอร่าม
ส่วนตัวแอบรู้สึกถึง J’adore
ตัวดังได้ในแง่ของโทน Floral
อวลๆ หรูหราเฉดสีทอง แต่มาในเวอร์ชั่นที่เรียบง่ายขึ้นตามแบบฉบับของ Calvin Klein
กลิ่นช่วงต้นอาจจะแรงและฉุนจมูกไปบ้างสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบกลิ่นแรงๆนะครับ
แนะนำให้เสปรย์เบามือซักนิดเพราะถ้าฉีดหนักไปเพียงนิดเดียวกลิ่นอาจจะทำให้เวียนหัวเอาได้หากอากาศร้อนอบอ้าว
ลองปล่อยทิ้งไว้ซักพัก เมื่อกลิ่นดำเนินเข้าสู่ช่วงกลาง ความแรงจากตอนต้นก็จะลดระดับลงมาหน่อย
และค่อนไปทางใสขึ้น ซึ่งช่วงนี้ตามข้อมูลระบุโน้ตดอกมะลิไว้
กลิ่นที่ได้สัมผัสก็ตามนั้นเลยครับ แต่ส่วนตัวเริ่มจับกลิ่น musky ที่มาจากเมล็ด
Ambrette ได้ในช่วงนี้ด้วย หากแต่มาแบบอ่อนๆ ไม่ชัดนัก
โดยแฝงมากับดอกมะลิที่ยังคงให้ความงดงามในโทน White Floral เฉดสีทองสไตล์
Feminine เช่นดังเดิม
ปลายกลิ่นออก Musky และ
Woody มากขึ้นด้วยโน้ตของไม้ Cedar อ่อนๆ
ที่เข้ามาช่วยปรับกลิ่นมะลิให้เพิ่มความหวานนุ่มนวลเข้าไปอีกระดับนึง ซึ่งมีทั้งความอ่อนโยน
สวยงาม และ feminine กระจายออกมา
ซึ่งส่วนตัวค่อนข้างประทับใจช่วงเบสมากกว่าต้นและกลาง เพราะคิดว่ากลิ่นอ่อนกำลังดี
ไม่ฉุนจมูกหรืออึดอัดเหมือนช่วงแรกๆ
BEAUTY มาในเบสความเข้มข้น Eau de Parfum
ติดทนและกระจายกลิ่นได้ดีตามสไตล์น้ำหอมกลิ่นอบอุ่นแน่นๆทั่วไป จากที่ลองมาบนผิวพบว่าอยู่ได้ประมาณ
8 ชั่วโมงสำหรับ 1 สเปรย์ ซึ่งช่วงแรกๆนั้น sillage ของกลิ่นจะกระจายตัวได้ค่อนข้างดีทีเดียวล่ะ
แต่หากปล่อยไว้เรื่อยๆก็จะลดระยะการกระจายตัวมาอยู่ในระดับรอบตัว ซึ่งคนที่นั่งรอบข้างจะได้กลิ่นอ่อนๆแน่นอนครับ
แล้วยิ่งถ้าขยับตัวหรือเดินสวนกันเมื่อไหร่จะยิ่งได้กลิ่นชัด
เนื้อกลิ่นของ BEAUTY นั้นแน่นในระดับหนึ่ง เหมาะกับยามเย็นๆหรืออากาศในห้องแอร์
(แต่ยังใช้ในยามกลางวันได้หากไม่ได้สเปรย์เยอะหรือหนักมือจนเกินไป) หลายๆรีวิวใน internet พูดถึงกลิ่นนี้กันว่า ใส่แล้วให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคุณนาย
น่าจะเป็นเพราะกลิ่นค่อนข้างหรูและมีความโตเป็นสาวแบบวัยกลางคน
แต่บ้างก็ว่ากลิ่นอ่อนเยาว์เหมือนสาวแรกรุ่น ลองดูเองแล้วกันนะครับว่ารู้สึกแบบไหนกัน
ทั้งนี้ทั้งนั้น บุคลิกและการแต่งกายของผู้ใส่ก็เป็นปัจจัยสำคัญด้วยครับว่าไปทางไหน
กลิ่นน้ำหอมจะเป็นตัวช่วยให้แสดงตัวตนออกมาชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ปล. ตอนนี้ BEAUTY เปลี่ยน packaging แล้วนะครับ
เหล็กสีเงินๆที่หุ้มรอบตัวขวดโดนเอาออกแล้ว เหลือเพียงขวดกลมๆโล้นๆแบบเดียวกับ
flanker อีก 2 รุ่น ถ้าซื้อมาก็ลองเชคกันดูนะครับว่าได้ขวดแบบไหนกัน
ถ้าอยากสะสมก็แนะนำให้รีบตามหารุ่นเก่าก่อนจะหายากครับ :D
__________________________________________________