วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

[::REVIEW::] Salvatore Ferragamo – Signorina


[::REVIEW::]
Salvatore Ferragamo – Signorina
Perfumer : Sophie Labbe, Juliette Karagueuzoglou
Launched Year : 2011
Fragrance Notes
Top Notes : Pink pepper, Red Currant
Heart Notes : Jasmine, Peony, Rose
Base Notes : Musk, Panna Cotta, Patchouli

______________________________________________


               บอกก่อนว่าโดยปกติแล้วจะไม่ค่อยชอบน้ำหอมกลิ่นหวานๆหนักๆแบบกลิ่นโทนขนมซักเท่าไหร่นะครับ เพราะเป็นคนใช้น้ำหอมกลิ่นแน่นๆไม่ค่อยได้ ใส่ทีไรจะอึดอัดและเวียนหัวจนอยากล้างออกทุกที แต่สำหรับ Signorina นั้นคงจะเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่กลิ่นที่ต้องขอยกเว้นไว้เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากชอบเป็นการส่วนตัวจริงๆ (อันที่จริงแอบชอบตั้งแต่เห็นภาพตอนเปิดตัวแล้วล่ะ แต่ไม่คิดว่าพอได้ลองแล้วจะชอบกลิ่นตามไปด้วย) มันเป็นน้ำหอมแนว Floral – Fruity – Gourmand ที่ให้กลิ่นหวานในโทนขนม หากแต่ใส่แล้วไม่ทำให้รู้สึกหนักจมูกหรืออึดอัดยามใช้จริงในชีวิตประจำวัน ในทางตรงกันข้าม ยิ่งได้กลิ่นตีขึ้นมาเตะจมูกทีไรก็ยิ่งอยากดมต่อเรื่อยๆ พาลอยากจะกัดกินตัวเองซะอย่างงั้นไป

               Signorina เป็นน้ำหอมที่เด่นด้วยกลิ่นโทนขนมหวาน ซึ่งมีความละมุน นุ่มนวล และมีความ sexy น่ารักน่ากินแบบอ่อนเยาว์ตามสไตล์น้ำหอมโทน Gourmand ทั่วๆไป แต่ไฮไลท์ที่ถือเป็นจุดเด่นเฉพาะตัวของมันเลยก็คือ การนำโน้ต “Panna Cotta” ที่ให้กลิ่น Creamy นุ่มๆละมุนๆมาเป็นตัวให้ความหวานแทนวานิลลา, ช็อคโกแล็ต, โกโก้, หรือคาราเมลเหมือนอย่างที่น้ำหอมโทนขนมกลิ่นอื่นๆนิยมใช้กันครับ โดย Panna Cotta นั้นทำหน้ามอบความ Creamy นุ่มนวลตัดกับกลิ่นหรูหราของดอกกุหลาบและโทน Fruity เปรี้ยวๆของผล Red Currant ได้อย่างลงตัว ดังนั้น หากสาวหวานคนไหนเบื่อความซ้ำซากจำเจกับโน้ตวานิลลาที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ลองหยิบ Signorina ไว้เป็นตัวเลือกในใจดูนะครับ คิดว่าน่าจะชอบกันไม่มากก็น้อยล่ะ


               กลิ่นเปิดของ Signorina นั้นเต็มแน่นไปด้วยความหวานในโทน Gourmand ที่ออกจะอบอวลนิดๆ แต่เนื้อกลิ่นไม่จัดว่าแน่นมากนัก อยู่ในระดับกลางๆ เริ่มต้นนำโดยกลิ่นดอกกุหลาบที่ถูกตัดด้วยโทน Creamy หวานๆนุ่มๆของ Panna Cotta เป็นอย่างแรกครับ ซึ่งบอกเลยว่าใครชอบกินขนมชนิดนี้ล่ะก็ต้องมีใจละลายกันบ้างแน่ๆ มีความสดชื่นโทน Fruity ที่หวานอมเปรี้ยวเล็กๆจากผล Red Currant และโทน Spicy อ่อนๆจาก Pink Pepper แฝงมาด้วย ชวนให้นึกถึง Strawberry Cheese Cake เย็นๆสดๆที่เพิ่งยกออกมาจากตู้แช่หมาดๆ มีความหวานฉ่ำอมเปรี้ยว กินคู่กับวิปครีมหนาๆนุ่มๆ ฟินแบบบอกไม่ถูกจริงๆ และอีกความรู้สึกนึงก็คิดถึง Panna Cotta รสสตรอเบอร์รี่ได้อีกเช่นกัน

               ช่วงกลาง ตามข้อมูลระบุโน้ตในกลุ่ม Floral จากดอกไม้3 ชนิดเอาไว้ ได้แก่ มะลิ, กุหลาบ และพีโอนี (ดอกโบตั๋น) แต่ส่วนตัวจับกลิ่นพีโอนีได้เพียงอย่างเดียวครับ แซมขึ้นมากับ Panna Cotta, กุหลาบ และ Pink Pepper ซึ่งดอกพีโอนีจะเข้ามาช่วยทำให้น้ำหอมในช่วงกลางนี้มีความเบาสบายและเย็นชื่นขึ้นมาหน่อย Strawberry Cheese Cake ชิ้นเดิมจากต้น บัดนี้ได้ถูกโรยหน้าตกแต่งด้วยกลีบดอกพีโอนีสีขาวอย่างแผ่วเบา

               กว่าจะเข้ามาถึงช่วง Base Notes ได้ก็ผ่านไปหลายชั่วโมงเลยครับ แต่ก็ยังคงได้กลิ่นชัด แถมมีกระจายขึ้นมาเตะจมูกอยู่เรื่อยๆ ในช่วงนี้เป็นช่วงของ Panna Cotta เหมือนเดิม ซึ่งก็จับกลิ่นของมันได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ฉีดออกมาแล้วล่ะเนอะ นอกจากนี้ยังมี Musk กับ Patchouli ผสมอยู่ด้วย หากแต่เอาจริงๆ ก็แน่นอนว่าคงไม่มีใครโดดเด่นไปกว่า Panna Cotta ที่อยู่ยาวตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งกุหลาบเองก็ยังอยู่เช่นกันครับ

               Signorina รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกของไลน์ ซึ่งมาในเบสความเข้มข้นระดับ Eau de Parfum ติดทนค่อนข้างนานทีเดียวครับ ฉีดเทสกลิ่นกับผิวโดยตรงอยู่ได้มากกว่า 7-8 ชั่วโมง โดยการกระจายตัวนั้นทำได้ดีในระดับหนึ่ง ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ของแต่ละคนว่าฉีดน้อยหรือมาก แต้มน้อยหรือแต้มมาก แต่กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่กระจายตัวได้แน่นอนนะครับ ไม่ใช่กลิ่นติดผิว ดังนั้นถ้าอยากให้ฟุ้งขนาดไหน ก็ฉีดเพิ่มขึ้นตามความต้องการได้เลย

               เหมาะสำหรับสาวๆวัย 18 ปีขึ้นไป วันไหนอยากได้ลุคสาวหวาน สวมกระโปรงบานๆ แต่งหน้าโทนสีชมพูอ่อนไปออกเดต ฯลฯ ลองจับคู่กับ Signorina ดูได้ และถึงแม้กลิ่นจะมีความแน่นอยู่บ้างพอประมาณ แต่ก้ไม่ได้มากมายสาหัสสากรรจ์เกินกว่าที่จะใช้ในยามอากาศร้อนได้ครับ ถ้าใส่ออกแดดก้ไม่ต้องใส่เยอะ ถ้าเข้าห้องแอร์ก็ฉีดมากหน่อย แค่นี้ก็โอเคแล้วเนาะ

______________________________________________