[::REVIEW::]
RALPH LAUREN – ROMANCE
Perfumer : Harry Frémont
Launched Year : 1998
Fragrance Notes
Top Notes : Freesia, Ginger, Chamomile, Lychee, Pot
marigold, Rose
Heart Notes : Lily, Lotus, Violet, White violet
Base Notes : Oakmoss, Exotic woods, Musk, Patchouli
_________________________________________________
สารภาพตามตรงว่ารู้จักน้ำหอมของ RALPH LAUREN น้อยมากจริงๆ
แทบจะไม่เคยหยิบมาลองเทสกลิ่นดูเลยทั้งที่เดินสวนกับมันแทบจะทุกครั้งที่ไปเยือนเค้าเตอร์น้ำหอมในห้าง
ROMANCE กลิ่นนี้ก็เช่นกัน เหมือนเป็นกลิ่นที่ถูกเราเมินมาโดยตลอด พอได้ลองดมดูซักครั้งถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วมันเป็นน้ำหอมที่เจ๋งๆมากอีกตัวหนึ่งเลยนะ
คาดว่าในอนาคตจะต้องเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่สามารถยึดครองบัลลังก์น้ำหอม
Classic ได้อย่างไม่อายใคร เนื่องจากมันให้กลิ่นที่ยังคงทันสมัยอยู่แม้จะผลิตขายมาเกือบ
20 ปีแล้วก็ตาม แถมยังเป็นน้ำหอมอีกกลิ่นที่เบสิคมากๆ ใช้ง่าย ออกแนวสบายๆ เหมาะกับใช้งานทั่วๆไปในชีวิตประจำวันได้แทบจะทุกโอกาส
เรียกได้ว่าเป็นน้ำหอม Everyday Use ที่สาวๆควรจะมีติดบ้านไว้อย่างน้อยคนละขวดเลยครับ เหตุผลง่ายๆเพียงเท่านี้ก็คงเพียงพอที่จะทำให้ ROMANCE ขายดีไปอีกนาน
ROMANCE เป็นน้ำหอมที่เด่นทางด้าน Floral มากๆครับ
มีดอกไม้หลายชนิดเป็นส่วนผสม ซึ่งถ้าหากชอบกลิ่นแนวดอกไม้คลาสสิคหน่อยๆ
หรือกลิ่นโทนสะอาดๆอย่าง Tommy Girl, Light Blue, pleasures คิดว่าน่าจะชอบเป็นพิเศษ
ซึ่งโน้ตหลักที่เป็นหัวใจสำคัญของ ROMANCE นั้นมีอยู่ด้วยกัน
2 อย่าง คือดอกกุหลาบกับขิง มีโน้ตตัวประกอบต่างๆเข้ามาเสริมทัพ ได้แก่ ดอกคาโมมายล์, ลิลลี่,
ฟรีเซียร์, ดอกบัว, ไวโอเล็ต ฯลฯ
ซึ่งพอรวมกันออกมาแล้วให้กลิ่น Floral เย็นๆที่สะอาดสะอ้าน แซมด้วยกลิ่น Spicy ที่อบอุ่นนิดๆ
ชวนให้จินตนาการถึงทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยเหล่ามวลดอกไม้สีขาว ท่ามกลางบรรยากาศแจ่มใส
ท้องฟ้าปรอดโปร่ง หรือบางทีก็อาจจะนึกถึงสาวฝรั่งผมบลอนด์ สวมชุดขาวพริ้วๆ โอบอุ้มช่อดอกไม้สดในมือได้เหมือนกัน
Top Notes โดดเด่นด้วยกลิ่นโทน
Floral ที่พาเอาช่วงต้นเปิดตัวได้แบบสะอาด สดชื่น และมีความใสเย็นกันตั้งแต่แรกเริ่ม
เป็นการผสมผสานระหว่างดอกไม้หลายๆชนิดเข้าด้วยกัน แต่อย่างแรกเลยที่เราจับกลิ่นได้คือดอกคาร์โมมายล์ที่โดดพุ่งออกมาก่อนใครเพื่อน
ผสานตัวกับลิลลี่ ฟรีเซียร์ กุหลาบขาว และดอกบัว โดยมีกลิ่นสไปซี่อ่อนๆของขิงโชยขึ้นมาเคียงคู่
ช่วงนี้กลิ่นสดชื่นมากๆครับ เข้าถึงง่ายด้วย ออกแนวเบาสบายเหมือนเสื้อเชิ้ตขาวบางพริ้วๆสะอาดตา
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะ safe
scent อะไรมากมายนักครับ
เพราะมีความแรงในตัวอยู่ในระดับหนึ่ง (แต่ถ้าใส่นิดเดียว ก็ safe scent ได้)
ส่วนตัวรู้สึกว่าพอเข้าช่วงกลางแล้วกลิ่นหนักจมูกขึ้นเล็กน้อย
โดยยังคงเป็นกลิ่นโทน Floral
ที่แสนสดชื่นเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเข้ามากลิ่นขิงที่ชัดขึ้นมาอีกหน่อย
ซึ่งทำให้นึกถึงน้ำหอมกลิ่น Floral บางกลิ่นขึ้นมา แต่นึกไม่ออกครับ
ถ้านึกออกแล้วจะมาบอกนะ
ช่วง Base เป็นช่วงที่เราชอบมากที่สุดของ ROMANCE ที่ได้ดมมาตลอดช่วงอายุกลิ่น
เพราะมันออกทาง soapy สะอาดๆ
เย็นๆ คล้ายกลิ่นสบู่ รู้สึกได้ถึงความสดชื่นแบบสะอาดสะอ้านราวกับเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ
นุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวเดินออกมาจากห้องน้ำ โดยตัวการนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
ยังคงเป็นการผสมผสานของกลิ่นโทน Floral
และ Spicy จากกุหลาบกับขิงเหมือนเดิมครับ โดยมีกลิ่นของ Musk, Patchouli
และ Oakmoss ลอยสวนขึ้นมาอ่อนๆพอให้จับกลิ่นได้
ROMANCE
มาในเบส Eau de Parfum นะครับ
มาพร้อมกับค่าความติดทนที่ระดับปานกลาง ซึ่งบนร่างกาย(ของเราเองนะ)อยู่ได้มากกว่า
6 ชั่วโมง (แต่บนผิวบางคนอาจอยู่ได้นานกว่านี้ หรืออาจจะทนน้อยกว่าก็เป็นไปได้
แล้วแต่คนครับ) การกระจายตัวก็ทำได้โอเคในระดับหนึ่ง คือออกกลิ่นสะอาดๆรอบตัว
เหมือนร่างกายสะอาดสะอ้าน ไม่ได้พุ่งโดดชัดเจนว่าฉันฉีดน้ำหอมมานะ อะไรแบบนั้น จริงๆก็ขึ้นอยู่กับปริมาณการฉีดด้วยล่ะครับ
เพราะอย่างที่บอกไป ถ้าฉีดเบามือหน่อยก็เป็นกลิ่น safe scent ได้ เพราะ ROMANCE นั้นมีดีที่ความสะอาดสะอาดและสดชื่นในโทนดอกไม้อยู่แล้ว
แต่ถ้าฉีดหนักมือ ก็ฉุนกึกไปเลยยาวๆ
เหมาะสำหรับผู้หญิงวัย 20 ปีขึ้นไปครับ
เป็นกลิ่นเบสิคที่เรียบง่าย สะอาดสะอ้าน แต่มีความงดงามแฝงอยู่ในตัว ลักษณะการใช้งานจะคล้ายๆกับ
pleasures และ
Pure White Linen ของ
ESTÉE LAUDER
คือเป็นกลิ่นที่ธรรมดาๆ ใช้ได้ทั่วไป เรื่อยๆ เหมาะกับการสวมเชิ้ตขาวสะอาดๆหรือชุดเดรสสีขาวพริ้วๆซักตัวก็น่าจะพอ
คิดว่าผู้หญิงทุกคนควรจะมีติดบ้านไว้ซักขวดนะครับ คิดซะว่าเป็นน้ำหอมสามัญประจำบ้านก็ได้
เพราะถ้ามีขวดนี้ยังไงก็คงได้ใช้แน่นอน อย่างน้อยๆวันนี้ไม่รู้จะฉีดอะไร ROMANCE ก็ใช้ได้เสมอ
ใช้ในอากาศร้อนๆก็ได้ด้วยครับ
_________________________________________________