วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559

[::REVIEW::] HERMÈS – COLLECTION HERMESSENCE – POIVRE SAMARCANDE


[::REVIEW::]
HERMÈS
COLLECTION HERMESSENCE – POIVRE SAMARCANDE
Perfumer : Jean-Claude Ellena
Launched Year : 2004


Fragrance Notes
Oak, Oakmoss, Green notes, Caraway, Paprika, Patchouli, Pepper, Cedar

____________________________________________________


               POIVRE SAMARCANDE ปรุงขึ้นจากเรื่องราวในวัยเด็กของ Jean-Claude Ellena ที่ครั้งหนึ่งในอดีต หน้าบ้านของเขาเคยมีต้นโอ๊คเก่าแก่ขนาดใหญ่ปลูกอยู่ต้นหนึ่ง แต่ในภายหลัง ต้นโอ๊คต้นนั้นก็ถูกโค่นลงเนื่องจากมันบดบังทัศนียภาพของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยที่กลิ่นอาย peppery, musky, smoky ที่โชยขึ้นมาในวันที่ต้นโอ๊คถูกโค่นมันยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเขาตลอดมา

               Jean-Claude Ellena ได้นำต้นโอ๊คต้นนี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการปรุงน้ำหอมโดยถ่ายทอดความรู้สึกในวัยเด็กผ่านกลิ่นแนว Woody – Spicy ที่มีหัวใจหลักได้แก่ ไม้โอ๊ค, พริกไทย, พริกปาปริก้า และผงยี่หร่า ซึ่งที่มาของการตั้งชื่อรุ่นน้ำหอมว่า POIVRE SAMARCANDE นั้นเพื่อสื่อถึงเมืองซามาร์คันด์ ประเทศอุซเบกิสถาน ซึ่งเป็นทางผ่านของขบวนรถคาราวานที่ขนส่งยี่หร่าและเครื่องเทศต่างๆจากฝั่งตะวันออกไปยังตะวันตกนั่นเอง

               ก่อนเข้ารีวิวจริงๆจังๆขอเกริ่นก่อนเลยว่า สำหรับหนุ่มๆสาวกของ TERRE D’HERMÈS ตัวดังพลาดรีวิวนี้ไม่ได้เลยครับ เพราะโน้ตเด่นอย่างพริกไทยของ POIVRE SAMARCANDE นั้นให้กลิ่นอายและความรู้สึกที่ใกล้เคียง TERRE D’HERMÈS  ประมาณหนึ่งเลยล่ะ หากแต่เป็นเวอร์ชั่น niche โดยมีโน้ตของพริกไทยเป็นตัวกลางที่ยึดน้ำหอมทั้งสองตัวเข้าหากัน แต่จะมีต่างกันหน่อยก็ตรงที่กลิ่นนี้ไม่มี Citrus แต่กลับมีโทน Spicy จากพริกไทยกับยี่หร่าเข้ามาแทนที่ ดังนั้นถ้าใครที่มี TERRE D’HERMÈS อยู่แล้ว ลองดูตัวนี้ไปสลับวันกันใช้ก็ดีครับ จะได้ลดความซ้ำซากจำเจลงไปนิดหน่อย จริงๆมีอีกกลิ่นหนึ่งที่คล้ายมากกว่า นั่นก็คือ BANG โดย MARC JACOBS ซึ่งก็ให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกันกับทั้งสองด้วยเช่นกัน

               ช่วง Top Notes พบกับโทน Spicy เป็นอันดับแรก ซึ่งให้ความสดชื่นปนอบอุ่นเชิงเผ็ดร้อนจากโน้ต 3 อย่าง คือพริกไทย, พริกปาปริก้า และผงยี่หร่า ซึ่งพริกไทยถือเป็นโน้ตตัวเด่นสุดของน้ำหอมกลิ่นนี้ และจะทำหน้าที่กระจายตัวให้ได้กลิ่นยันช่วงสุดท้าย นั่นหมายความว่า กลิ่นจะสามารถโยงเข้าหา TERRE D’HERMÈS ได้ตลอดเวลานั่นเองครับ ส่วนยี่หร่านั้นก็ให้ความรู้สึกแห้งๆ ชวนนึกถึงกลิ่นผงเครื่องเทศหลายๆอย่างรวมกัน

               ข้ามมาที่ช่วง Base Notes การกระจายกลิ่นในช่วงนี้เงียบลงค่อนข้างมาก จนแทบจะเรียกได้ว่ากลายเป็นกลิ่น skin scent ที่ต้องดมแบบจมูกแนบประชิดผิวจึงจะได้กลิ่น โดยพริกไทยยังคงทำหน้าที่เป็นตัวเด่นเช่นเดิม หากแต่มันเริ่มเอนเอียงเข้ามาง Woody มากขึ้นด้วยไม้โอ๊คกับ Cedar ออก Earthy นิดหน่อยด้วย Oakmoss

               หากใครที่ได้อ่านรีวิว Poivre Samarcande จากเว็บไซต์นอกอื่นๆ เช่น fragrantica ก็น่าจะเห็นหลายๆรีวิวอ้างอิงถึง  Iso-E-Super ซึ่งเป็นสารเคมีอย่างหนึ่งที่นิยมนำมาใส่ในน้ำหอม เพราะกลิ่นเฉพาะของเจ้าสารชนิดนี้ให้กลิ่นโทน Woody คล้ายกลิ่น Sandalwood หรือไม้ Cedar แต่ส่วนตัวแยกกลิ่นไม่ออกครับ เพราะไม่มีความรู้เรื่องสารเคมีอะไรพวกนี้เลย (ทั้งที่จบสายวิทย์มาก็ตาม) หากใครคนไหนหรือเซียนน้ำหอมท่านใดเชี่ยวชาญทางด้านนี้ก็มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้นะครับ แบ่งปันข้อมูลกันหน่อยนะ :D

               POIVRE SAMARCANDE มาในเบสความเข้มข้นระดับ Eau de Toilette ครับ ส่วนตัวจากที่ลองคิดว่าติดไม่ค่อยทนนะ และกลิ่นก็ค่อนข้างติดผิวมากๆซะด้วย กลิ่นนี้กำกับไว้ว่า Unisex แต่เนื่องจากกลิ่นพริกไทยของมันชวนให้นึกถึง TERRE D’HERMÈS เลยคิดไปเองว่า ผู้ชายใส่น่าจะเหมาะกว่าผู้หญิงพอสมควรครับ

               แม้การกระจายจะค่อนข้างอ่อนบางไปนิด แต่กลิ่นนี้เหมาะสำหรับช่วงอากาศเย็นๆแห้งๆอย่างฤดูหนาวครับ ใช้ได้ดีกับโอกาสที่ต้องการความหรูหราซักหน่อย หรือจะใช้เป็น Everyday Use ก็ได้ ถ้า TERRE D’HERMÈS ใช้ได้ทุกวัน POIVRE SAMARCANDE ก็คงไม่ต่างกันครับ

____________________________________________________