[::REVIEW::]
HERMÈS
COLLECTION HERMESSENCE – BRIN DE RÉGLISSE
Perfumer : Jean-Claude Ellena
Launched Year : 2007
Fragrance Notes
Top Notes : Lavender
Heart Notes : Floral notes, Orange blossom
Base Notes : Hay, Glycyrrhiza
_____________________________________________
BRIN DE RÉGLISSE เป็นสมาชิกลำดับที่ 7 ของกลุ่มน้ำหอม Exclusive จากค่าย HERMÈS ที่มีชื่อไลน์ว่า “COLLECTION HERMESSENCE” โดยเป็นฝีมือของสุคนธกรมือฉมังประจำบ้านอย่าง Jean-Claude Ellena ที่ทำการคัดเลือกโน้ตและส่วนผสมต่างๆอย่างพิถีพิถันจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่ดีที่สุดมาสร้างสรรค์ผลงานที่ทางเว็บไซต์หลักของ HERMÈS ถึงขั้นเปรียบเปรยและยกย่องไว้ว่า ความหอมของแต่ละกลิ่นในไลน์นี้ เปรียบเสมือนเป็นบทกวีที่งดงามแห่งโลกน้ำหอมเลยครับ
สำหรับ BRIN DE RÉGLISSE นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพ Landscape ของเมือง Provance อันมีเอกลักษณ์คือทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงครามที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา
Jean-Claude Ellena จะพาคุณก้าวเข้าไปยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศของทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่กำลังเบ่งบาน
พร้อมกางแขนรับกับสายลมที่พาเอากลิ่นหอมโชยคลุ้งไปทั่วบริเวณ ผ่านดอกลาเวนเดอร์แห้งที่เป็นหัวใจสำคัญของน้ำหอมกลิ่นนี้
ใครที่สนใจอยากลองกลิ่นลาเวนเดอร์ที่ไม่ซ้ำกับน้ำหอมกลิ่นไหนๆในตลาด
แนะนำให้ติดตามรีวิวนี้เลยครับ
BRIN DE RÉGLISSE ให้กลิ่นหอม สไตล์
Aromatic ที่เย็นนิ่ง และค่อนข้างสุขุม เบลนด์เข้ากับความอบอุ่นเชิง
Spicy ที่เซ็กซี่หรูหรา แน่นอนว่าโน้ตหลักนั้นต้องโดดเด่นด้วยโทน
Aromatic จากดอกลาเวนเดอร์, ผสมผสานกับกลิ่นโทน Spicy จากชะเอมเทศ
(ซึ่งเป็นที่มาของชื่อน้ำหอมที่เขาตั้ง คำว่า Réglisse ในภาษาฝรั่งเศส
มีความหมายคือ Licorice หรือชะเอมเทศนั่นเองครับ) โดยมีโน้ตรองคือ Hay หรือหญ้าแห้ง
และดอก Orange Blossom
ทันทีที่ได้สัมผัสกับกลิ่นเปิด บอกได้เลยว่าเป็นน้ำหอมมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมากกกก
เพราะส่วนตัวยังไม่เคยเจอน้ำหอมกลิ่นแบบนี้เลยครับ กลิ่นชะเอมเทศเปิดฉากนำออกมาก่อน
ให้ความหวานอบอุ่นแนว
Spicy กึ่ง herbal คล้ายสมุนไพรจางๆ รองด้วยกลิ่น Aromatic เย็นๆจากลาเวนเดอร์
ซึ่งได้กลิ่นชัดทั้งคู่เลยครับ แต่ชะเอมจะชัดกว่าในช่วงนี้ โน้ตทั้งสองตัวถือเป็นดาวเด่นที่จะอยู่ให้สัมผัสได้ตลอดช่วงอายุกลิ่น
ไม่นานนัก พอเข้าช่วงกลาง ลาเวนเดอร์ใสๆจะโดดขึ้นมาเคียงคู่
ให้กลิ่นหอมเย็น ร่มรื่น ชวนผ่อนคลายในโทน Aromatic แบบสงบเสงี่ยม
ร่มเย็น เคล้าไปกับชะเอมที่ยังคงส่งต่อความ Spicy มาจนถึงช่วงนี้
และจะลากยาวต่อไปจนกลิ่นเลือนหาย เนื้อกลิ่นมีความแห้งด้วยครับ
ไม่แน่ใจว่ามาจากโน้ต Hay (หญ้าแห้ง) รึเปล่า แต่ส่วนตัวจับกลิ่นเขียวๆของหญ้าไม่ได้ครับ
พบเจอเฉพาะความแห้งเพียงอย่างเดียว และโน้ตแนว Floral จากดอกส้มก็จับกลิ่นไม่ได้เช่นกัน
ในช่วง Base Notes แม้กาลเวลาที่ล่วงเลยมาจนถึงช่วงนี้จะเบรกการกระจายกลิ่นให้หยุดนิ่งไว้
โน้ตทุกอย่างลดระดับลงมาอยู่ในระยะติดประชิดผิว แต่ส่วนตัวแล้วกลับชอบช่วงนี้มากที่สุดเลยครับ
พอลาเวนเดอร์กับชะเอมกลิ่นเงียบลงแล้วจะพบกับความนุ่มนวล Creamy นิดๆ
ติดหวานอ่อนๆ แต่ยังคงมีความใสอยู่ในตัว คหสต.รู้สึกถึงกลิ่น Coca Cola ครับ
เป็นโคล่าหวานๆในเวอร์ชั่นที่ปล่อยไว้นานจนไม่เหลือความซ่าจากแก๊ส แล้วดองด้วยชะเอมที่นอนแช่อยู่ข้างใน
อันนี้คือความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ถ้าไปอ่านรีวิวที่อื่นมาก็คงจะไม่มีใครได้กลิ่นแบบนี้หรอกนะ
555
น้ำหอมกลิ่นนี้แปลกอยู่อย่างหนึ่งครับ คือกลิ่นที่สเปรย์บนกระดาษ
กับกลิ่นที่สเปรย์ลงบนผิว (หมายถึง ผิวของเราเองนะ) จะไม่เหมือนกัน เรียกได้ว่าต่างกันลิบลับเลยก็น่าจะประมาณนั้น
ที่เทสบนกระดาษ ช่วงแรกๆรู้สึกว่ากลิ่นมันคล้ายกับบ๊วยจีน
หรือเปลือกส้มตากแห้งซองละ 5 บาทที่ขายในโรงเรียน (ซองสีส้มๆดำๆ) ส่วนตอนท้ายๆนั้นให้ความรู้สึกเหมือนเดินผ่านร้านยาแผนโบราณหรือสมุนไพรจีนย่านเยาวราช
กลิ่นโทนนี้จะค่อนข้างชัดเมื่อดมกลิ่นจากกระดาษ Tester ในขณะที่อีกฟากหนึ่งเป็นกลิ่นที่สเปรย์ลงบนผิวตัวเอง
กลับออกกลิ่นชะเอมเทศที่หวานนุ่มนวลมาก ออก Oriental และ Gourmand ชัด มีความอบอุ่น ละมุนละไม คล้ายช็อคโกแลตหนืดๆที่ถูกเคี่ยวด้วยความร้อนนานๆจนเริ่มมีกลิ่นไหม้
เคลือบอยู่บนลูกบ๊วยอบแห้ง แปลกดีครับ เป็นน้ำหอมกลิ่นแรกที่ลองกับผิวและกระดาษแล้วต่างกันมากขนาดนี้
กลิ่นอื่นก็มีเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่มีอันไหนที่ต่างเท่า BRIN DE
RÉGLISSE เลยซักกลิ่น
ติดทนไม่มากเท่าไหร่นะครับ จากที่เทสกลิ่นบนผิว
พบว่าอยู่ได้แค่ราวๆ 4 ชั่วโมงก็เลือนหายแล้วครับ (แต่บนกระดาษติดทนนานกว่า) การกระจายกลิ่นจะค่อนข้างชัดหน่อยก็แค่ในช่วง
10 นาทีแรกเท่านั้น หลังจากนั้นเป็นต้นไปกลิ่นจะวูบลง
กลายเป็น skin scent ที่ต้องดมแบบจมูกแนบติดผิวจึงจะได้กลิ่นอ่อนๆ
BRIN DE RÉGLISSE เป็นน้ำหอม Unisex นะครับ
ใช้ได้ทั้งหญิงและชาย ใครอยากลองน้ำหอม niche กลิ่นแปลกๆแต่กลิ่นปลายหอมเข้าถึงง่าย
แนะนำให้ลองดูครับ ถ้าจำไม่ผิด เคยทราบมาว่ามีขายที่ boutique HERMÈS สาขา
Siam Paragom, The Emporium
และสนามบินสุวรรณภูมิ
_____________________________________________