[::REVIEW::]
YVES SAINT LAURENT – PARISIENNE
Perfumers : Sophia Grojsman, Sophie Labbe
Fragrance Notes
Top Notes : Blackberry, Cranberry, Vinyl, Citruses
Heart Notes : Damascus rose, Violet
Base Notes : Musk, Patchouli, Sandalwood, Vetiver
_________________________________
PARISIENNE เป็นน้ำหอมไลน์ลูกที่แตกหน่อออกมาจาก YSL PARIS อีกทีหนึ่ง
โดยยังคงอิงความรู้สึกหรูหราและเซ็กซี่จากดอกกุหลาบผสมแป้งคล้ายๆกัน แต่ถูกปรับโทนกลิ่นให้มีความอ่อนเยาว์ลงด้วยการนำผลไม้อย่างเช่น
Cranberry และ Blackberry เข้ามาเป็นตัวผสมโรง ข้อมูลทางเว็บไซต์กำกับไว้ว่า
กุหลาบที่ใช้เป็นส่วนผสมของน้ำหอมกลิ่นนี้คือกุหลาบ Damask Rose (หรือชื่อไทยคือกุหลาบมอญ)
ผสมกับ Violet ที่ให้กลิ่นในโทนแป้ง
PARISIENNE ให้ภาพของสาวสวยเซ็กซี่วัยประมาณ 18 – 20 ต้นๆ กำลังหัดเที่ยวกลางคืน
สุงสิงอยู่กับกลุ่มเพื่อนและชายหนุ่มตามผับบาร์หรูหราใจกลางเมือง
ถึงแม้ภาพลักษณ์จะดูแรงนิดๆแต่บุคลิกที่กลิ่นน้ำหอมสื่อออกมายังคงมีความน่ารัก
ซุกซน ดื้อรั้น และขี้เล่นแฝงอยู่กับความเซ็กซี่แบบวัยรุ่น
ดังนั้นกลิ่นนี้จึงเหมาะกับสาวๆวัยนักศึกษามากที่สุดครับ
ช่วง Top Notes กลิ่นแอลกอฮอล์แรงไปหน่อย แต่จะอยู่ให้ได้กลิ่นเพียง
5 นาทีแรกเท่านั้นครับ พอกลิ่นแอลกอฮอล์แห้งลงจะพบกับกลิ่นหอมหวานฉ่ำๆแน่นๆดอกกุหลาบที่คละเคล้าไปกับ
Violet อ่อนๆ
ถอดแบบมาจาก PARIS ไลน์ต้นแบบเลยทีเดียว
แต่ความต่างอยู่ที่ PARISIENNE
นั้นเด็กกว่า เนื่องจากมีกลิ่นผลไม้เฉกเช่น Blackberry หวานๆ
กับ Cranberry แทรกเข้ามาเติมความขี้เล่นสนุกสนานให้กับกุหลาบ
แต่กลิ่นค่อนข้างสังเคราะห์พอสมควร เนื่องจากส่วนตัวจับกลิ่น Vinyl Accord โผล่มาให้จับกลิ่นได้ตั้งแต่ต้น
ซึ่งเจ้าโน้ตตัวนี้แหละ เป็นอีก 1
ตัวการหลักที่ทำให้น้ำหอมกลิ่นนี้มีความทันสมัยครับ
ช่วงกลางยังคงติดกลิ่นแป้งเคล้าไปกับกุหลาบและแบล็คเบอร์รี่ที่หวานอ่อนๆจางๆ
จากช่วงต้นที่ให้กลิ่นเฉิดฉายของดอกกุหลาบฉ่ำๆ กลับแปรเปลี่ยนเป็นกุหลาบที่เริ่มแห้งเหี่ยว
โดยส่วนตัวคิดว่า กลิ่นมันคล้ายดอกกุหลาบในแจกันที่กำลังจะเหี่ยวเฉา ปลายกลีบเริ่มช้ำ
ออกเป็นสีน้ำตาลหน่อยๆ แต่ยังไม่เหี่ยวจนถึงขั้นแห้งกรอบนะ ลองดู Video โฆษณาที่แนบไว้ใต้รีวิวได้ครับ
อารมณ์จะประมาณนั้นเลย
PARISIENNE เป็นน้ำหอมอีกหนึ่งกลิ่นที่ไม่ถูกกับเคมีในผิวเรา
เพราะทุกครั้งที่สเปรย์ลงบนผิวโดยตรง ยิ่งปล่อยทิ้งไว้นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสบจมูกไปกับความ synthetic ที่โชยขึ้นมา
(คาดว่าน่าจะเป็นกลิ่นของ Vinyl
Accord ผสมกับ Musk) แต่กับคนอื่น เราได้กลิ่น Sillage ที่โชยออกมาหอมมากเลยล่ะ
ถ้าใครที่เป็นเหมือนกันกับเราก็แนะนำว่าให้ดมผ่านๆเพียงผิวเผินจาก sillage จะโอเคกว่าดมกลิ่นจากผิวโดยตรง หรือถ้าฉีดละก็
แนะนำให้สเปรย์ลงบนเสื้อผ้าจะโอเคขึ้นมาหน่อย
ช่วงปลายกลิ่นมีโน้ตที่เพิ่มเข้ามาคือมัสก์ พิมเสน ไม้จันทน์หอม
และหญ้าแฝก แต่ตัวที่โดดออกมาชัดกว่าเพื่อนเลยก็คือ Musk ครับ
ให้กลิ่นเชิง Musky สวมรอยไปกับโทน Floral ได้อย่างแนบเนียน และยิ่งผสมเข้ากับกลิ่น Vinyl
Accord นี่ยิ่งไปกันใหญ่เลย บนผิวเราส่งกลิ่นเพี้ยนมากๆ (ถ้าได้อ่านหลายๆรีวิวที่เคยเขียนไว้จะพบว่าเคมีในผิวของ
จขบ. นั้นไม่ถูกกันอย่างยิ่งกับกลิ่น Musk น้ำหอมที่มีโน้ตตัวนี้เป็นกลิ่นเบสในปริมาณมากๆ
จะไม่ถูกกับผิวเราเหมือนๆกันหมด)
PARISIENNE มาในเบสหัวน้ำหอมระดับ Eau de Parfum ครับ
ซึ่งด้านความทนและการกระจายกลิ่นก็ทำได้โอเคทีเดียวสำหรับน้ำหอมเบส EDP เพราะติดทนในระดับปานกลาง
อยู่บนผิวราวๆ 6 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ (ขึ้นอยู่กับปริมาณการฉีด สภาพอากาศ
และเคมีในผิวแต่ละคน) ส่วนการกระจายนั้น กลิ่นนี้เป็น Sillage Scent นะครับ ไม่แรงเท่าไหร่
แต่กลิ่นที่กระจายอยู่รอบตัวนั้นหอมหรูหราดีทีเดียว เป็นกลิ่นกุหลาบแบบสาวสังคมผู้ดีวัยนักศึกษาเลยครับ
แม้ในรีวิวข้างต้นจะบอกว่าน้ำหอมกลิ่นนี้ให้ภาพลักษณ์ของสาวเที่ยวกลางคืน
แต่อันที่จริงกลิ่นนี้ไม่ได้หนักหน่วงเกินกว่าจะใส่ในตอนกลางวัน เช่นใส่เรียน
ออกเดต เที่ยว ดูหนัง ไรงี้นะครับ โดยส่วนตัวขอไม่จัด YSL กลิ่นนี้เข้ากลุ่มน้ำหอมกลางคืน
เนื่องจากมันมีความสดใสและขี้เล่นแฝงอยู่เต็มเปี่ยมเลย ดังนั้นใส่ได้สบายใจนะ
ถ้ามองหากลิ่นสำหรับเที่ยวกลางคืน flanker รุ่น intense อย่าง PARISIENNE
A L’EXTRÊME นั้นน่าจะเข้าข่ายมากกว่า
YVES SAINT LAURENT – PARISIENNE's commercial
_________________________________