[::REVIEW::]
Thierry
Mugler – ANGEL LE GOÛT DU PARFUM
Top Notes : Bergamot, Mandarin Orange, Cocoa
Powder
Middle Notes : Passion Fruit, Peach, Apricot
Base Notes : Patchouli, Vanilla, Chocolate,
Caramel
_________________________________
ไลน์ LE GOÛT DU PARFUM (หรืออีกชื่อคือ The Taste of
Fragrance) ออกวางขายครั้งแรกในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2011 โดยมีคอนเซปคือการนำน้ำหอมตัวหลักๆที่แสนโด่งดังมาปรับกลิ่นใหม่
โดยงัดกลิ่นในโทน Gourmand (กลิ่นโทนขนม) อันเป็น
signature ของน้ำหอมบ้าน Mugler ให้โดดเด่นออกมามากขึ้น
ไลน์นี้ประกอบด้วยน้ำหอมทั้งหมด 4 กลิ่น คือA*MEN,
ANGEL, ALIEN และ WOMANITY ครับ
สำหรับ ANGEL LE GOÛT DU PARFUM นั้น
อาจเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักน้ำหอมกลิ่นโทนขนมหวานจำพวกโกโก้หรือช็อคโกแล็ตเลยล่ะครับ
เพราะกลิ่นหลักของมันคือเจ้าขนมหวานสองตัวนี้แหละ แต่มันไม่ได้มาแบบหวานเจี๊ยบ
น่ารัก น่ากินเหมือนน้ำหอมแนว Gourmand ทั่วๆไปนะครับ ระดับ
Thierry Mugler ต้องปรุงน้ำหอมให้กลิ่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาเข้าไปด้วย
นั่นก็คือความแปลกแหวกแนวและเข้าถึงยากนิดๆ เนื่องจากกลิ่นโกโก้ของ ANGEL รุ่นนี้มันไม่หวานนั่นเอง หากแต่มันมาแบบขมๆ ดิบๆ และมีความเข้มข้นสูงมากกก
ราวกับสกัดมาจากแก่นแท้ของเมล็ดโกโก้อย่างไงอย่างงั้น ซึ่งช็อคโกแล็ตเองก็เช่นกัน
มาแนว Dark Chocolate เข้มๆขมปี๋เลยล่ะครับ
สายขนมหวานที่ชอบความเข้มข้นแบบฮาร์ดคอร์น่าจะถูกใจเป็นพิเศษ
ANGEL
LGDP เป็นน้ำหอมแนว Oriental – Gourmand นะครับ
นอกจากโกโก้ (ผงโกโก้)
กับช็อคโกแล็ตแล้ว โน้ตในโทนขนมยังมีคาราเมลกับวานิลลาเป็นส่วนช่วยเรื่องความหวานอีกด้วย
ผสมกับกลิ่นพิมเสนที่ถอดแบบมาจาก ANGEL รุ่นปกติ
ซึ่งโดยรวมแล้วรุ่นนี้ยังนับว่าเป็น flanker รุ่นหนึ่งที่ยังสามารถโยงเข้าหารุ่นดั้งเดิมได้
ยังเป็นลูกไม้ที่หล่นอยู่ใกล้ๆต้นครับ
ANGEL
LGDP เป็นน้ำหอมที่ให้ความรู้สึกเซ็กซี่เย้ายวนเป็นอย่างมาก
เนื่องจากตัวปกติที่เป็นแม่แบบก็เซ็กซี่ระดับตัวแม่อยู่แล้ว รุ่นนี้ยิ่งถูกดึงโทน
Gourmand ออกมายิ่งชวนให้กินเข้าไปใหญ่
เหมาะสำหรับใส่เที่ยวกลางคืนเท่านั้น ยิ่งอยู่กับคนรักสองต่อสองนี่มีโอกาสงานเข้าสูง
แต่จะว่าไปแล้ว รุ่นนี้กลิ่นไม่แรงเท่ารุ่นต้นตำหรับนะ ใส่ง่ายกว่าเดิม
ใครที่เคยลองกลิ่น original
แล้วรับไม่ไหวกับกลิ่นเบสที่ยังคงรุนแรง flanker รุ่นนี้น่าสนใจทีเดียวล่ะ
กลิ่นเปิดในช่วง Top Notes นั้นแรงเอาเรื่องอยู่นะ
แม้ในข้อมูลจะระบุไว้ว่ามีโน้ตที่ให้ความสดชื่นในตระกูลมะนาวอย่างเช่นมะกรูดและส้ม
Mandarin แต่พอเอาเข้าจริงๆกลับไม่พบความสดชื่นใดๆเลย เพราะกลิ่นเปิดนั้นมีแต่กลิ่นหอมฟุ้งของโกโก้ที่เข้มข้นสูงมากกกกก
มากซะจนออกขม กลมกลืนไปกับกลิ่นหวานแน่น นุ่มลึก มีทั้งความ dark และ mystery ปกคลุมไปซะหมด ชวนให้นึกถึงสีดำหรือความมืดมิด
ทั้งนี้โดยส่วนตัวแล้วจับกลิ่น Patchouli ได้ตั้งแต่ต้น
แต่กลิ่นยังไม่โดดมากนัก ออกมาให้ได้กลิ่นประมาณ 5% ได้ ทำให้กลิ่นในช่วงต้นเปิดมาก็เรียกความเซ็กซี่เย้ายวนแบบซาดิสม์และฮาร์ดคอร์ได้ตั้งแต่หัววันเลยทีเดียวเชียว
เมื่อเข้าสู้ช่วงกลางได้ซักระยะหนึ่ง
สิ่งที่เปลี่ยนไปคือความเข้มข้นของหัวน้ำหอมที่เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ได้หนักหน่วงจนเอียนเหมือนช่วงต้นที่ฉีดสเปรย์ออกมาใหม่ๆ ตามข้อมูลระบุว่าช่วงนี้ประกอบด้วยโน้ตของผลไม้เป็นหลัก
แต่กลิ่นที่ได้สัมผัสนั้นแทบจะไม่มีโทน fruity แทรกขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไหร่
จากผงโกโก้ที่เข้มข้นซะจนขมปี๋ในช่วงต้นก็เริ่มจืดจางลง กลับเข้ามาแทนที่ด้วยความหวานนุ่มและอบอุ่น
โดยคาราเมลและวานิลลาที่ทั้งสองเข้ามาเบรกความขมของโกโก้เอาไว้ ช่วยเติมเต็มโทนกลิ่น
Oriental จางๆกรุ่นๆในช่วงรั้งท้าย
ทั้งนี้ยังยืนอยู่บนเบสของ Patchouli ด้วย ให้กลิ่นอายโทน
Chypre อ่อนๆ สวมรอยกันไปเนียนๆครับ
ทางด้านเรื่องของความทนและการกระจายกลิ่น ANGEL LE GOÛT DU PARFUM เป็นน้ำหอมเบส Eau de
Parfum ซึ่งติดทนมากกกก ไม่เสียชื่อ Thierry Mugler เลยแม้แต่นิด จากประสบการณ์ส่วนตัว ได้กลิ่นราวๆ 10
ชั่วโมง (ซึ่งบนผิวแต่ละคนอาจจะติดทนไม่เท่ากัน ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งสภาพผิว
ความชุ่มชื้น สภาพอากาศ และปริมาณการฉีด) ส่วนการกระจายกลิ่น หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงแรกไปได้ก็ไม่หนักหน่วงเท่าไหร่แล้วครับ
มีแต่ช่วงแรกๆที่ฉีดออกมานั่นแหละที่กลิ่นแรงจนน่าขนลุกไปหน่อย อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่ารุ่นนี้ความแรงของกลิ่นจะไม่เข้มข้นเท่ารุ่นดั้งเดิม
ดังนั้นจึงใส่ได้ค่อนข้างง่ายขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่ใช่ว่าใช้ง่ายนะครับ
แค่บอกใส่ง่ายกว่าเดิมเฉยๆ แต่อันที่จริงยังเหมาะกับที่อากาศเย็นๆและเวลากลางคืนอยู่ดี
_________________________________