[::REVIEW::]
BVLGARI – JASMIN
NOIR
Perfumer : Carlos
Benaim, Sophie Labbe
Launched Year :
2008
Fragrance Notes
Top Notes :
Gardenia Petal, Green Sap
Middle Notes :
Almond, Sambac Jasmine Absolute
Base Notes :
Precious wood, Liquorice Absolute, Tonka Bean
____________________________________
JASMIN NOIR เป็น flanker ห่างๆที่พัฒนาต่อยอดมาจาก BVLGARI pour Femme อีกทอดหนึ่ง โดยในรุ่นนี้จะเน้นหนักมาทางดอกมะลิแบบเต็มขั้วมากขึ้น ซึ่งการตั้งชื่อ Jasmin Noir หรือ black jasmine นั้นสื่อถึงภาพดอกมะลิในความมืดมิด
สัมพันธ์กับกลิ่นของน้ำหอมที่มีความหอมแบบลึกลับ หรูหรา
และหม่นหมอง แนวเดียวกับ Versace - Crystal Noir และ
Tom Ford - Black Orchid ครับ
นอกจาก JASMIN NOIR มีดอกมะลิเป็น center กลางแล้ว
โน้ตทางกลุ่ม White
Floral ยังมีดอก Gardenia เข้ามาร่วมวงด้วย โดยดอกไม้สีขาวทั้งสองถูกห้อมล้อมด้วยความ
Dark แบบขมขื่นจากกลิ่นโทนไม้หอมเผา
ชวนนึกถึงบรรยากาศความเศร้าโศกที่เต็มไปด้วยสีดำ แต่ถ้าหากมองในอีกมุมหนึ่ง
กลิ่นนี้ก็ถือเป็นน้ำหอมกลางคืนที่มีออร่าความเซ็กซี่ยั่วยวนใจมากที่สุดที่ BVLGARI เคยปล่อยออกมา โดยเป็นน้ำหอมแนว Oriental – Floral ครับ
มะลิที่ใช้เป็นส่วนผสมสำคัญของ Jasmin Noir คือ Sambac
Jasmine (Arabian Jasmine) หรือที่รู้จักกันว่ามะลิอียิปต์ ซึ่งถือเป็นพันธุ์ดอกมะลิที่มีกลิ่นค่อนข้างแรงพอตัวเลยครับ
แล้วยิ่งกลิ่นนี้ไม่ใช่ Sambac Jasmine ธรรมดาๆ ยังเป็น Absolute ด้วย
ดังนั้นความเข้มข้นไม่ต้องพูดถึง มะลิจัดเต็มแบบเต็มแม็กซ์แน่นอน
ทันทีที่เข้าสู่ช่วง Top
Notes ก็พบกับความมืดมิดและพิศวงของยามค่ำคืน
ดอกมะลิกลีบขาวนวลปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความ Dark ที่โอบล้อมอยู่รอบตัว
อันที่จริงโน้ตของช่วงแรกมีอยู่ 2 อย่างคือ Gardenia Petal หรือกลีบของดอกพุด และ Green Sap (น้ำเลี้ยงของต้นไม้ที่ให้กลิ่นเขียวๆ) ให้โทนกลิ่น White Floral ที่หวานแบบหม่นๆ
ไม่มีความสดชื่นใดๆเข้ามาตัด
ดังนั้นใครที่แพ้น้ำหอมกลิ่นแรงๆควรหลีกให้ไกลกลิ่นนี้เลยครับ
มะลิจะเฉิดฉายออร่ามากยิ่งขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงกลาง โดยยังคงเคียงคู่กับ Gardenia ตัวเดิม หากแต่เพิ่มเข้ามาด้วยเมล็ด
Almond ที่ให้กลิ่นกึ่ง Woody กึ่ง Nutty ออกมันๆนวลๆคล้ายกลิ่นถั่วนิดหน่อย ชวนนึกถึงดอกไม้ต้องห้ามในป่าลึกที่เบ่งบานในยามค่ำคืน มีกลีบแน่นสีขาวนวล
ช่วง Base Notes เด่นที่กลิ่น Woody หวานลึกลับจากโน้ตของ Precious Wood, Licorice (ชะเอม)
และถั่ว Tonka Bean ซึ่งทั้ง
3 เป็นตัวเอกควบคู่กับมะลิ ให้ภาพดอกมะลิกลีบขาวนวลถูกปกคลุมด้วยควันจากการเผาไม้หอม เป็นน้ำหอมอีกกลิ่นที่ได้กลิ่นทีไรก็หลอนทุกที
=,.=
ความทนไม่ต้องสาธยายมากนัก เป็นน้ำหอมเบส Eau de Parfum ที่ติดทนมากกกกกกก
เอาไป 10 เต็ม 10 และกระจายตัวก็ดีมากๆเช่นเดียวกัน
จริงๆรุ่นนี้มี flanker รุ่น
L’Essence กับ
L’Elixir ด้วยนะครับ
ซึ่งสองตัวหลังนั้นเนื้อกลิ่นมีเข้มข้นกว่ารุ่นนี้มากๆ
ขอเตือนเลยว่าถ้าไม่ชินกับกลิ่นน้ำหอมกลางคืนที่หนักหน่วง อย่าริอาจเข้าไปแตะ
ไม่เช่นนั้น คุณจะเวียนหัวจนถึงขั้นเป็นลมได้เลย
เหมาะสำหรับฤดูหนาวและยามค่ำคืนนะครับ
โอกาสที่เหมาะสมที่สุดมีอยู่สองอย่าง อย่างแรก ใส่ออกงานสังคมกลางคืน อย่างที่สอง
ใส่สำหรับงานศพครับ จะว่าไปกลิ่นนี้ผมว่าเหมาะมากหากใส่ชุดลูกไม้สีดำ
หรือชุดสีดำเรียบๆ หากวันไหนแต่งตัวแนวนี้ก็ลองเลือก Jasmin Noir มาฉีดเพิ่มออร่าก็ดีเลยครับ
____________________________________