วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558

[::REVIEW::] CHRISTIAN DIOR – LA COLLECTION PRIVÉE – GRAND BAL



[::REVIEW::]
CHRISTIAN DIOR
LA COLLECTION PRIVÉE – GRAND BAL
Perfumer : Francois Demachy
Launched Year : 2012
Fragrance Notes
Top Notes : Grasse Jasmine
Middle Notes : Mahoran Ylang-Ylang Essence
Base Notes : New Caledonian Sandalwood Essence

_________________________________


               ก่อนอื่นอยากจะบอกว่า GRAND BAL เป็นน้ำหอมที่สุดยอดจริงๆ สวยหรู สง่างาม เจิดจรัส ราวกับว่าน้ำหอมขวดนี้เป็นราชินีแห่ง White Floral ทั้งหมดทั้งมวล เนื่องด้วยส่วนผสมหลักที่มาจากมวลหมู่ดอกไม้สีขาวสะอาดเป็นสำคัญ แฝงไปด้วยความหรูหราแบบธรรมชาติ สาวๆที่ตกหลุมรักน้ำหอมตระกูล J’adore พลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด


               อ้างอิงจากที่คุณ Mr.Harn ได้กล่าวไว้ในกระทู้รีวิวน้ำหอม LA COLLECTION PRIVÉE ทั้ง 12 กลิ่นใน Pantip เราเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่า GRAND BAL มีความคล้ายคลึงกับ J’adore เป็นอย่างมาก เปรียบเสมือนเป็น J’adore L’absolu ในเวอร์ชั่นที่กลิ่นสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นด้วยส่วนผสมคุณภาพสูง และเนื้อกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น สังเกตง่ายๆว่าน้ำหอมไลน์ J’adore เมื่อได้กลิ่นเป็นระยะเวลานานๆบางคนอาจจะเริ่มเวียนหัวเล็กๆ ชวนรู้สึกอึดอัดกับความแน่นของกลิ่นซึ่งค่อนข้างจะรบกวนจมูก ต่างจาก GRAND BAL ที่ให้ความรู้สึกสบายจมูกมากกว่า ดมแล้วเพลิดเพลิน ดมได้เรื่อยๆแบบไม่มีเบื่อแน่นอน


               GRAND BAL นำโดยกลิ่นของดอกมะลิเป็นหัวใจหลัก มาแบบสดชื่น อ่อนโยน ขาวสะอาด และสมจริงราวกับดมดอกมะลิสดๆจากต้น รองด้วยกลิ่นหอมเย้ายวนของ Ylang-Ylang หรือดอกกระดังงา และดอกส้ม Orange Blossom หากแต่จริงๆแล้วโน้ตตัวที่เด่นที่สุดคือมะลินะครับ มาแบบหรูหรา สง่างาม และเฟมินีนตามสไตล์น้ำหอมแนว White Floral ล่ะ


               ทันทีที่กลิ่นโชยเข้ามาเตะจมูก สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความนุ่มนวลของดอกมะลิสีขาวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความความอ่อนโยนและเฟมินีนแบบเต็มพิกัด มีความอ่อนหวาน อ่อนโยน พ่วงด้วยความสดชื่นแบบมีระดับ จัดอยู่ในกลุ่มโซนน้ำหอมกลิ่นหรู ชวนให้นึกถึงชุดราตรีที่ตัดเย็บจากผ้าไหมสีทองอ่อนๆ กับสาวสวยผู้สูงศักดิ์มาดผู้ดี ลุคเซ็กซี่เย้ายวน ประมาณซินเดอเรลล่า อะไรทำนองนั้น


               ไม่นานเกินรอ กระดังงาสีเหลืองนวลค่อยๆก้าวเข้ามาหนุนหลังให้กับดอกมะลิ เติมเต็มความรู้สึกอบอุ่นในเชิงสีทองอร่ามเข้าไปอีกประมาณ 30% ชวนนึกถึงแสงอาทิตย์ยามเย็นสีทองที่สาดทอลงบนผืนน้ำทะเล ซึ่งโดยส่วนตัวเรามองว่าช่วงนี้กลิ่นคล้ายคลึงกับ J’adore L’absolu มากที่สุด ต่างที่ GRABD BAL จะมีความสดชื่นแฝงอยู่ด้วย กลิ่นจึงไม่หนักแน่นจนใช้ยาก


               ในห้วงท้ายสุด ตบด้วยโทน Woody และ Musky จางๆ กลิ่นนุ่มลึกของไม้หอม Sandalwood ผสมผสานไปกับความหอมนวลเนียนเชิง Floral จากมะลิกับกระดังงา กลิ่นในช่วงนี้ยังคงเต็มไปด้วยความหรูหราเฉดสีทองอร่าม หากแต่บางเบาลงพอสมควร ซึ่งช่วงนี้ตัวเด่นยังคงเป็นดอกมะลิที่อ่อนโยน และสดชื่นเบาๆ 


               เรื่องความทนและการกระจาย ในความเห็นของเรา GRAND BAL ยังแพ้ J’adore อยู่เล็กน้อย แต่จุดแข็งที่เข้ามาแทนที่คือคุณภาพของเนื้อกลิ่น ส่วนผสมต่างๆนาๆที่ทำให้ GRAND BAL ชนะ J’adore ไปแบบสวยๆ สำหรับใครที่รัก J’adore เป็นทุนเดิมและมีงบไม่จำกัด เราว่า GRAND BAL เป็นอีกกลิ่นที่น่าจับต้องมากๆเลยนะ สมควรค่าแก่การเสียเงินเป็นอย่างยิ่ง แต่หากใครที่ยังสู้ราคาไม่ไหว(เหมือนเรา 555) J’adore ยังคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดเสมอ เหมาะกับการใส่ออกงานกลางคืน ดินเนอร์ยามเย็น ใส่ทำงานในช่วงกลางวันก็ได้ครับ ผู้หญิงวัย 20 ปีขึ้นไปกำลังเหมาะ


_________________________________