วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

[::REVIEW::] Dior – J’adore



[::REVIEW::]
Dior – J’adore


Fragrance Notes
Top Notes : Ylang-Ylang Essence
Middle Notes : Damascena Rose Essence
Base Notes : Sambac Jasmine Absolute

_____________________________________________


               เดิมที Dior ออก J’adore รุ่น original ครั้งแรกเมื่อปี 1999 นู้นเลยครับ แต่มาระยะหลังๆมานี้ดูเหมือนว่าสุคนธกรประจำ Dior House อย่าง Francois Demachy กำลังพยายามที่จะปฏิวัติน้ำหอมของ Dior เสียใหม่ เพราะเขาได้ทำการ reformular สูตรน้ำหอมยกเคาน์เตอร์กันเลยทีเดียว ซึ่ง J’adore เองก็โดนเปลี่ยนสูตรไปกะเขาด้วย (แต่ไม่แน่ใจว่าสูตรปัจจุบันที่วางขายอยู่ตอนนี้รีฟอร์มครั้งล่าสุดเมื่อไหร่นะ ใช่ปี 2009 รึเปล่า หรือปี 2012 ก็ไม่แน่ใจครับ เปลี่ยนจนตามไม่ทัน) สูตรดั้งเดิมเป็นยังไงอันนี้ก็ไม่ทราบเพราะไม่เคยมีโอกาสได้ลอง แต่สำหรับรีวิวนี้พูดถึงสูตรล่าสุดที่วางขายอยู่ ณ ปัจจุบันนะครับ

               ถ้ามีใครซักคนพูดถึงน้ำหอมกลิ่นนี้ขึ้นมา สิ่งแรกที่คิดว่าทุกๆจะต้องนึกถึงคือแพกเกจจิ้งขวดสีทองที่โดดเด่นสะดุดตาอย่างแน่นอน ซึ่งนอกจาก J’adore จะมีรูปลักษณ์ของขวดที่สวยหรูดูมีระดับแล้ว กลิ่นของตัวน้ำหอมเองก็สวยหรูไม่แพ้กัน เป็นกลิ่น Floral หวานๆนวลๆจากดอกไม้ 3 ชนิดที่เมื่อรวมกันแล้วสร้างออร่าความเจิดจรัสและเปล่งประกายแก่ผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมอบความรู้สึกเฟมินีนที่ดูหรูหราแบบสาวผู้ดีได้อีกด้วย โดยหลักๆจะมีส่วนผสมอยู่ 3 อย่าง คือ Ylang-Ylang Essence (ดอกกระดังงา), Damascena Rose Essence (ดอกกุหลาบ), และ Sambac Jasmine Absolute (ดอกมะลิอาหรับ)

               ทันทีที่เปิดมาก็สัมผัสได้กับกลิ่นอายความหรูหรา ดั่งเช่นแสงอาทิตย์สีทองทอแสงลงบนพื้นน้ำทะเลยามเย็น นำโดย Ylang-Ylang Essence เอสเซนส์ดอกกระดังงามาแบบเข้มข้นและนวลเนียน ละมุนจมูก ใครชอบกลิ่นดอกไม้หรูๆฟุ้งๆต้องชอบอย่างแน่นอน เพราะตัวนี้เปิดได้ Floral จ๋าเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากกระดังงาจะโดดเด่นมากๆแล้วยังได้กลิ่นมะลิที่ค่อนข้างชัดตีคู่ขนานขึ้นมาอีกด้วย

               ผ่านไปซักพักหนึ่ง เมื่อดำเนินเข้าสู่ช่วงกลางจะเป็นช่วงเวลาของดอกกุหลาบ กุหลาบที่ใช้เป็นส่วนผสมของ J’adore สูตรนี้คือกุหลาบ Damascena Rose แต่ส่วนตัวจับกลิ่นกุหลาบได้ไม่ชัดเท่าไหร่ ดันจับกลิ่นกระดังงากับมะลิได้ชัดกว่า มีความอบอุ่นและแน่นนิดๆแต่ไม่ใช่ว่ากลิ่นหนักแน่นจนใช้ยาก เนื่องจากมีความ Sparkling ใสๆซ่อนไปกับความนุ่มละมุนของดอกไม้อยู่ด้วย

               ในช่วงเบสโน้ตจะเด่นที่ Sambac Jasmine หรือมะลิอาหรับเข้มข้นที่สวยงามและเป็นตัวแทนความเฟมินีนของหญิงสาว ติดโทนอบอุ่นสไตล์ Woody จางๆจาก Sandalwood ให้ความรู้สึกอบอุ่น นุ่มนวล และเซ็กซี่แบบมีพลัง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับการใส่ในที่อากาศเย็นซักนิด ไม่แนะนำให้ใส่ออกแดดเพราะในเนื้อกลิ่นยังคงแฝงกลิ่นอาย Oriental อยู่เนืองๆ คนรอบข้างบางคนที่ไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นแรงอาจจะเวียนหัวเอาได้

               ติดทนราวๆ 8 ชั่วโมง ตามมาตรฐานน้ำหอมเบส Eau de Parfum ที่มีเนื้อกลิ่นแน่นๆเลยครับ กระจายตัวได้ในระดับกลางๆ-ค่อนข้างดี เหมาะสำหรับหญิงสาวในวัย 20 ปีขึ้นไป สาวๆคนไหนชอบกลิ่นดอกไม้หรูหราที่หวานอบอุ่นนุ่มนวลและเฟมินีน J’adore น่าจะตรงกับความต้องการนะ ใช้ได้หลากหลายสถานการณ์ตั้งแต่วันสบายๆยันออกงานกลางคืน ใส่ชุดสวยๆสีทองอร่ามเหมือนอย่าง Charlize Theron ในโฆษณายิ่งเข้ากัน


Dior - J'adore's commercial
_________________________________________