วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

[::REVIEW::] Dior - J’adore L’absolu



[::REVIEW::]
Dior - J’adore L’absolu
Perfumer : Francois Demachy
Launched Year : 2014


Fragrance Notes
Top Notes : Damascena Rose Absolute
Middle Notes : Sambac Jasmine Absolute
Base Notes : Indian Tuberose

__________________________________________


               อาจกล่าวได้ง่ายๆว่า J’adore L’absolu คือเวอร์ชั่นที่เข้มข้นขึ้นของ J’adore EDP ซึ่งล่าสุดในช่วงปลายปี 2014 ที่ผ่านมา ทาง Dior พึ่งจะทำการ reformular ปรับสูตรใหม่ให้กับน้ำหอมรุ่นนี้มาหมาดๆ ซึ่งสูตรล่าสุดนั้นปราศจากเงาของกระดังงา อันเป็นส่วนผสมที่เฉิดฉายมากๆใน J’adore L’absolu เวอร์ชั่นก่อน (คือจะว่ายังไงดีล่ะ ถ้าไม่มีกระดังงาก็เหมือนไม่ใช่ L'absolu มั้ย เหมือนเอกลักษณ์ของรุ่นนี้หายไปเลยนะ -..-)

               J’adore L’absolu มาในเบสความเข้มข้น Eau de Parfum เช่นเดียวกับรุ่นต้นแบบ ทว่าสิ่งที่เข้มข้นขึ้นคือส่วนผสมที่ถูกใส่มาอย่างอัดแน่นจัดเต็ม สำหรับรุ่น L’absolu มีส่วนผสมหลักๆคือ Damascena Rose Absolute หรือกลิ่นของดอกกุหลาบเข้มข้น, Sambac Jasmine Absolute หรือดอกมะลิอาหรับเข้มข้น และตบท้ายด้วย Indian Tuberose หรือดอกซ่อนกลิ่นจากประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นโน้ตที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใหม่ มารับหน้าที่แทนกระดังงาในรุ่นเก่าครับ

               กลิ่นเปิดมาแบบหรูหราสุดๆ หอมแน่น นวลเนียน อลังการงานสร้างไปกับโทน Oriental - Floral จากดอกไม้สีขาว เฉกเช่นมะลิและซ่อนกลิ่น โดยส่วนตัวยังแอบมีความรู้สึกถึงกระดังงาที่หายไปอยู่นะ หรืออาจจะเป็นกลิ่นที่ติดจมูกยามได้กลิ่น L’absolu ก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังห้อมล้อมด้วยกุหลาบอันเป็นตัวแทนความสวยงามและความเซ็กซี่ของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา

               ในช่วงกลางตัวชูโรงคือ Sambac Jasmine Absolute หรืออีกชื่อหนึ่งของมันคือ Arabian Jasmine มะลิพันธุ์อาหรับถูกใส่มาในปริมาณเข้มข้น เป็นตัวแทนของความเฟมินีนที่มีระดับของน้ำหอมไลน์ J’adore ช่วงนี้เปรียบเสมือนชุดราตรีสีทองอร่ามที่บรรจงตัดเย็บอย่างประณีต เนี๊ยบทุกระเบียดนิ้ว สวยงาม และเลอค่า พร้อมที่จะทำให้สตรีผู้สวมใส่มันกลายเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในค่ำคืนนั้นๆ J’adore L’absolu ก็เช่นกัน

               ช่วงเบสโน้ตยังคงจับกลิ่นมะลิตัวเอกได้ชัด โดยโน้ตที่ปรากฏในช่วงนี้คือ Indian Tuberose หรือดอกซ่อนกลิ่นจากประเทศอินเดีย ที่เป็นตัวเสริมความสวยสง่าให้กับโทน White Floral อย่างที่บอก วิญญาณของกระดังงายังคงตามมาหลอกหลอน เพราะรู้สึกถึงดอกกระดังงาอยู่ตลอดเวลา ถ้าถามถึงความแตกต่างระหว่างสูตรใหม่ที่กำลังรีวิวอยู่ กับสูตรก่อนหน้านี้ ก็บอกความต่างไม่ได้นะเพราะไม่ได้เทสเปรียบเทียบกันจะๆ

               ความทนทานบนผิวและการกระจายตัวทำได้ดีในระดับเดียวกันกับ J’adore EDP จริงๆรุ่นนี้อาจจะทนกว่านิดหน่อย แต่โดยรวมๆทั้งสองรุ่นก็แทบจะไม่ต่างกันจนถึงขั้นเด่นชัดมากเท่าไหร่ ถ้าคุณชอบ J’adore EDP และกำลังมองหาเวอร์ชั่นที่กลิ่นนุ่มลึก นวลเนียน มีมิติที่เย้ายวนมากยิ่งขึ้น แนะนำให้ลอง J’adore L’absolu รุ่นนี้ดูนะครับ น่าจะตอบโจทย์ความต้องการได้


___________________________________