วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

[::REVIEW::] BVLGARI – OMNIA CRYSTALLINE L’EAU DE PARFUM



[::REVIEW::]
BVLGARI – OMNIA CRYSTALLINE L’EAU DE PARFUM
Perfumer : Alberto Morillas
Launched Year : 2013


Fragrance Notes
Top Notes : Italian Mandarin, Lotus Flower
Middle Notes : Orris Concrete, Heliotrope, Lotus Flower
Base Notes : Sandalwood, Benzoin from Siam, Musks

_______________________________________________


               Flanker น้ำหอมไลน์ Omnia ทุกรุ่นจะมีคอนเซปคือการนำอัญมณีต่างๆมาเป็นแรงบันดาลใจในการปรุงน้ำหอม โดย Omnia Crystalline รุ่น EDT ที่เป็นกลิ่นต้นแบบนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากคริสตัล อัญมณีสีขาวใสสุกสว่าง สัมพันธ์ไปกับกลิ่นของน้ำหอมที่สดชื่น ขาวสะอาด ใสราวกับคริสตัลไม่มีผิด

               สำหรับ Crystalline L’EDP เป็น flanker ย่อยที่แตกออกมาจาก Omnia Crystalline อีกทอดหนึ่ง โดยถูกปรับเนื้อกลิ่นให้มีความหนักแน่นขึ้น รุ่น EDT นั้นสดชื่น ขาวใส สุกสว่างเจิดจ้าเป็นประกาย ชวนนึกถึงคริสตัลเหมือนอย่างที่ปรากฎในชื่อ ส่วนรุ่นนี้กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงครัสตัลตามธีมที่วางไว้เท่าตัวแรก โดยกลิ่นจะดูทุ้มขึ้นอีกระดับ แต่แน่นขึ้นด้วยโทน Woody กึ่ง Powdery ให้ฟีลเซ็กซี่เย้ายวน แต่หลักๆทั้ง 2 ตัวยังคงยืนพื้นด้วยกลิ่นดอกบัวสะอาดๆเหมือนกัน

               สำหรับรุ่นนี้ไม่มีกลิ่นชาสไตล์ BVLGARI โน้ตต่างๆที่ให้ความสดชื่นใน Crystalline ตัวเก่าได้ถูกตัดออกไปหมดทุกอย่างรวมถึงไม้ไผ่และลูกแพร์ด้วย ในทางกลับกัน กลับถูกแทนที่ด้วยกลิ่นโทน Balsamic แน่นๆอบอวลจากกำยาน ซึ่งดูลึกลับนิดๆ โดยรวมกลิ่นก็ยังมีความคล้ายคลึงกับ Omnia Crystalline ตัว EDT อยู่บ้าง เพียงแต่เนื้อกลิ่นหนักขึ้น ไม่ได้ใสหรือมีออร่าระยิบระยับ

               Crystalline L’EDP เปิดตัวด้วยกลิ่นดอกบัวที่เนียนนุ่ม ละมุนละไม ชวนนึกถึงดอกบัวสีขาวอมชมพูอ่อนๆที่มีกลีบเรียวบางและแห้งแมตประหนึ่งผ้ากำมะหยี่ รองด้วยโทน Woody แน่นๆที่เติมความอบอุ่นกันตั้งแต่ต้น อาจจะดูหนักจมูกนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ทำให้เวียนหัวได้ ซึ่งอย่างนึงที่ต้องยอมรับเลยคือเนื้อกลิ่นเองที่มีความเซ็กซี่ขึ้นจากตัวเดิมมาก เหมาะสำหรับใส่ในช่วงยามเย็นเป็นที่สุด
               
               ช่วงกลางยังคงนุ่มนวล หวานฟุ้งแบบมีชั้นเชิง โทน Woody กระจายออกมาชัดขึ้น พ่วงเข้ามาด้วย powdery จาก Heliotrope ดอกไม้สีม่วงในกลุ่มเดียวกับไวโอเล็ตและไอริสซึ่งให้กลิ่นโทนแป้ง ล่องลอยไปพร้อมกับดอกบัวสะอาดๆ

               ในห้วงสุดท้ายเริ่มเข้าทางอบอุ่นเชิง Balsamic จาก Benzoin หรือกำยาน ปนไปกับโทน Woody แป้งๆ ตัวนี้เบสน้ำหอม Eau de Parfum แม้ว่ากลิ่นจะแน่นขึ้นกว่าตัว EDT แต่ความทนและการกระจายไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย บนผิวเรา ทั้งคู่ติดทนและกระจายเท่าๆกัน ใครที่หวังจะได้พบ Omnia Crystalline ในเวอร์ชั่นที่ติดทนมากขึ้นอาจจะต้องผิดหวังเล็กน้อย เพราะรุ่นนี้เหมือนเป็นน้ำหอมอีกด้านที่แสดงให้เห็นถึงความเซ็กซี่ นุ่มละมุน มากกว่าจะเป็นกลิ่นเข้มข้น (คาดว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุนี้เขาจึงใช้ชื่อว่า L’eau de Parfum แทนที่จะเป็นคำว่า Intense)

BVLGARI – OMNIA CRYSTALLINE L’EAU DE PARFUM's commercial
_________________________________________