CHANEL
– CHANEL N°5 EAU DE PARFUM
Perfumer
: Jacques Polge
Launched Year : 1986
Launched Year : 1986
Fragrance Notes
Top Notes : Neroli, Bergamot, Lemon, Aldehydes
Middle Notes : Lily-of-the-Valley, Jasmine, Iris, May Rose
Base Notes : Vetiver, Amber, Sandalwood, Vanilla
________________________________________________
CHANEL
N°5 ถือเป็นน้ำหอมคลาสสิคในตำนานที่สร้างชื่อเสียงให้กับ CHANEL
และวงการน้ำหอมเป็นอย่างมาก
เนื่องจากน้ำหอมกลิ่นนี้เป็นกลิ่นแรกของโลกที่ริเริ่มบุกเบิกการนำสาร Aldehyde
เข้ามาเป็นส่วนผสมในการปรุงน้ำหอม โดยสุคนธกรผู้อยู่เบื้องหลังตำนานความคลาสสิคนี้คือ
Ernest Beaux ที่รังสรรค์ CHANEL N°5 ขึ้นในปี 1921 ซึ่งในสมัยนั้น CHANEL N°5 มีวางขายด้วยกันทั้งหมด
3 รูปแบบ คือ Eau de Parfum, Eau de Toilette และ Eau de Cologne และว่ากันว่าสูตร Original
แท้ๆนั้นมีส่วนผสมมากถึง 130 อย่างเลยทีเดียว
สำหรับสูตรที่วางขายอยู่ ณ ปัจจุบันนั้น (และเป็นรุ่นที่รีวิวนี้ยกมาพูดถึง) เป็นเวอร์ชั่นที่ถูกปรับสูตรใหม่ในปี 1986 โดยสุคนธกรคือ Jacques Polge ประวัติ+เรื่องราวอื่นๆขอยังไม่พูดถึงนะครับเพราะมันค่อนข้างเยอะ เดี๋ยวจะยาว สำหรับใครที่สนใจเรื่องราวของน้ำหอมอมตะกลิ่นนี้สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์หลายๆแห่งนะ
สำหรับสูตรที่วางขายอยู่ ณ ปัจจุบันนั้น (และเป็นรุ่นที่รีวิวนี้ยกมาพูดถึง) เป็นเวอร์ชั่นที่ถูกปรับสูตรใหม่ในปี 1986 โดยสุคนธกรคือ Jacques Polge ประวัติ+เรื่องราวอื่นๆขอยังไม่พูดถึงนะครับเพราะมันค่อนข้างเยอะ เดี๋ยวจะยาว สำหรับใครที่สนใจเรื่องราวของน้ำหอมอมตะกลิ่นนี้สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์หลายๆแห่งนะ
ดังที่ได้เกริ่นถึงโน้ต Aldehyde ไปในย่อหน้าแรก
ขอขยายความซักนิด เจ้าโน้ตตัวนี้คือสารที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาด้วยกระบวนการทางเคมี
หากนำมาเป็นส่วนผสมในน้ำหอมกลิ่นใดจะทำให้กลิ่นของน้ำหอมนั้นๆมีความเก่าแก่ โบราณ
ราวกับหีบสมบัติอายุนับพัน หนุ่มๆสาวๆสมัยใหม่ไม่น่าจะชอบโน้ตตัวนี้เท่าไหร่นัก เพราะมันให้อารมณ์เข้าถึงยากไปสักหน่อย
(และบางคนก็ว่าเหม็นไปเลยก็มี) โน้ต Aldehyde ถือเป็นนางเอกของ
CHANEL N°5
และปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้น้ำหอมกลิ่นนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น
หากมีใครซักคนถามถึงน้ำหอมกลิ่นคลาสสิค อมตะ ไร้กาลเวลา CHANEL N°5 ก็มักจะเป็นคำตอบแรกที่ทุกคนนึกถึงเสมอ
CHANEL
N°5 เป็นน้ำหอมแนว Floral – Aldehyde มีส่วนประกอบสำคัญคือสาร
Aldehyde และโน้ตโทน Floral อันเป็น Signature
รอง ได้แก่ กระดังงา, มะลิ, กุหลาบ และนีโรลี่ ผสมผสานเข้ากับดอกไอริส ให้กลิ่นอาย Powdery ที่นุ่มนวลฟุ้งเฟ้อ คล้ายกลิ่นแป้งเด็กสมัยโบราณ ให้ความรู้สึกอ่อนโยน
สุภาพเชิงทางการ และในขณะเดียวกันก็เซ็กซี่เย้ายวนแบบผู้ใหญ่อีกด้วย
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใส่เพื่อพบปะทางธุระอะไรก็แล้วแต่ที่ดูเป็นทางการ
ต้องการความเชื่อถือ มีภูมิฐาน ให้ภาพถึงผู้หญิงวัย 50 ปี
แต่งกายด้วยชุดสุภาพสี Beige ถือกระเป๋า Hermes Kelly
สีดำ สวมสร้อยไข่มุกจาก CHANEL รวบผมตึงเป๊ะ
ทาลิปสติกสีแดงสด ฯลฯ อารมณ์คุณหญิงคุณนายหน่อยๆ น่าจะพอนึกภาพกันออกเนอะ 555
Top
Notes พบกับส่วนผสมตระกูล Citrus ดังเช่น
มะกรูด มะนาว และนีโรลี่ แต่ไม่ใช่ออกโทน Citrus จ๋าจนสดชื่น
เปรี้ยว ใส เหมือนอย่าง Cologne หลายๆยี่ห้อ เนื่องจากโน้ต Aldehyde
กับ Iris เข้ามาคุมโทนตั้งแต่ก้าวแรก
ให้กลิ่นที่ออกแนวแป้งเด็ก(ที่ไม่เด็ก) Powdery ฟุ้งๆ
นวลเนียน แน่นหน่อยๆ มีความหรูหราฟู่ฟ่าชัดเจน ให้ฟีลถึงความสุภาพ
มีอำนาจที่น่าเกรงขาม มีเหตุมีผล และเซ็กซี่ในแบบผู้ใหญ่ บางคนบอกว่ากลิ่นนี้ป้ามากๆ
อืม ก็ใช่ อันนี้ไม่เถียง 5555 (ใช้คำว่าคลาสสิคจะดูดีกว่าเนอะ
55555) หากคุณอายุยังไม่เข้าใกล้เลข 5
แล้วสนใจน้ำหอมกลิ่นนี้ แนะนำเป็น CHANEL N°5 รุ่น EAU
PREMIERE จะโอเคกว่า เนื่องจากกลิ่นดูอ่อนเยาว์ลง ทันสมัยขึ้น
และลดความทางการลงมานิดหน่อย
ช่วงกลางจับกลิ่น Floral ได้ชัด มีมะลิ กุหลาบ และกระดังงา รวมกับโทน Powdery
จากไอริส และแน่นอน ถูกคุมโทนอยู่ภายใต้ Aldehyde กุหลาบพันธุ์ที่ใช้เป็นส่วนผสมแก่ CHANEL N°5
เขาแจ้งว่าเป็นกุหลาบ May Rose ซึ่งจะเก็บเกี่ยวได้เฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปีเท่านั้น
เมื่อโน้ต Floral ต่างๆเริ่มก้าวเข้ามาร่วมวง
ความอ่อนโยนตามสัญชาตญาณผู้หญิงเริ่มเผยมากขึ้น มีความอ่อนหวาน นอบน้อม
ผู้หญิงคนเดิมในชุดสีครีม กระเป๋าสีดำ สวมสร้อยไข่มุก เริ่มมีรอยยิ้มที่เป็นมิตร
ไม่ได้ดุหรือน่ากลัวอย่างที่แรกเห็น
Base
Notes อบอุ่น เนียนนุ่ม ละมุนละไม กลิ่นแป้งเด็กสุภาพอ่อนโยนเคล้าตามมาด้วยโทน
Woody นุ่มๆจาก Sandalwood และวานิลา
ออกกลิ่นเชิงแมกไม้ที่หวานนิดหน่อย ควบคู่ไปกับ Floral และ Aldehyde
ในสูตรดั้งเดิมเห็นว่ามีโน้ต Civet ประกอบด้วย
แต่สูตรปัจจุบันนี้ไม่มี คาดว่าน่าจะเป็นการลดความเซ็กซี่รุนแรงจัดจ้านเชิง Animalic
ลงไป เพราะ Civet นี่ก็คือกลิ่นที่สกัดมาจากสัตว์ดีๆนี่เอง
(ไม่เคยลองสูตรเดิมมาก่อนก็เดาๆกันไป =0=)
จัดเป็นน้ำหอมกลิ่นหนึ่งที่กลิ่นแรง ฉุน เข้มข้น ติดทนอย่างมาก
และกระจายตัวได้ดีมากๆเช่นกัน ใส่นิดเดียวกลิ่นก็ฟุ้งเวอร์แล้วล่ะ ใส่ทำงาน ออกงานทางการ
งานสังคมกลางคืน หรือวันที่ต้องการความพิเศษ เหมาะมากที่สุด
___________________________________