Chloé – Chloé EAU DE PARFUM
Perfumer : Amandine Marie, Michel Almairac
Launched Year : 2008
Fragrance Notes
Top Notes : Freesia, Lychee, Peony
Middle Notes : Magnolia, Lily-of-the-valley, Rose
Base Notes : Amber, Cedarwood
_______________________________________
รุ่น Signature ของแบรนด์คือรุ่น EDP รุ่นนี้นะครับ ออกปี 2008 เป็นรุ่นแรกของ Chloé ที่ได้รับความร่วมมือจาก Coty เข้ามาช่วยปรุงน้ำหอมให้ ซึ่งการออก Chloé EDP รุ่นนี้ถือเป็นการปฏิวัติของน้ำหอมแบรนด์นี้เลยก็ว่าได้ เพราะพอรุ่นนี้เริ่มโด่งดัง ออกลูกออกหลาน เขาก็ยกเลิกการผลิตน้ำหอมทุกๆรุ่นที่ผลิตก่อนปี 2008 หมดเลย พร้อมทั้งยก Chloé EDP ขึ้นเป็น Signature ประจำแบรนด์อีกด้วย
Chloé EDP (หรือที่เรียกกันจนติดปากว่าโบว์ครีม) เป็นอีกหนึ่งน้ำหอมยอดนิยมสำหรับสาวไทยหลายๆคน ถ้าใครติดตามห้องแป้งในพันทิปมาซักระยะหนึ่งน่าจะพอจำได้ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่รุ่นนี้ถูกพูดถึงในห้องแป้งบ่อยมาก (จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงพอมีคนพูดถึงอยู่นะ) ว่ากันว่าเป็นน้ำหอมที่ให้กลิ่นน่ารักเหมือนคุณหนู บ้างก็ว่ากลิ่นกุหลาบที่สวยโรแมนติก บ้างก็ว่าเป็นกลิ่นสำหรับนักธุรกิจสาวที่มีความมั่นใจ ปราดเปรียว ฯลฯ แต่โดยส่วนตัวเคยมีประสบการณ์กับน้ำหอมกลิ่นนี้มาประมาณ 1 ปีเต็มๆ คือช่วงสมัยเรียน ม.6 Chloé EDP จะเป็นน้ำหอม Signature ของอาจารย์ที่ปรึกษาประจำห้อง ท่านอายุใกล้จะ 60 แล้วล่ะ แต่จะชอบใส่กลิ่นนี้มาสอนหนังสือแทบจะทุกวัน (สลับกับ Chloé Love บ้าง, No5 Eau Premiere บ้าง, หรือบางวันก็จะเป็น Coco Mademoiselle, บางวัน Lancome Miracle, และนานๆทีก็จะมี Chanel Chance ด้วย คือน้ำหอมอาจารย์กระชากวัยมากจริงๆ 55555) ความรู้สึกที่ได้สัมผัสเลยจะค่อนข้างต่างจากคนอื่นไปซักนิด เพราะเวลาได้กลิ่นนี้ทีไรจะนึกถึงอาจารย์เสมอ 55555 ในความรู้สึกส่วนตัวที่ใครๆเขาก็ว่ากลิ่นคุณหนูๆ ผมจะคิดถึงลุคผู้หญิงที่มีออร่าความเป็นผู้นำที่น่าเกรงขาม ดุนิดๆ เข้มงวดหน่อยๆ กล้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ซึ่งมันตรงกับลุคของอาจารย์อย่างมากที่สุด
Chloé EDP เป็นน้ำหอมแนว Floral ที่มี center กลางอยู่ที่กุหลาบคมๆ ให้ความรู้สึกสดชื่นราวกับสูดดมดอกกุหลาบสีขาวที่แรกแย้มผลิบานในยามสายเข้าไปเต็มปอด โดยมีโน้ตตัวรองคือพีโอนี ฟรีเซีย และลิ้นจี่ ซึ่งรวมกันออกมาแล้วให้กลิ่นหอมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ต่างจากกุหลาบของแบรนด์อื่นๆอย่างเห็นได้ชัด ได้กลิ่นนี้ลอยมาปุ๊บ รู้ได้เลยว่า Chloé อย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากที่สเปรย์ออกมาใหม่ๆ แว้บแรกแอลกอฮอล์แอบแรงไปนิด มาพร้อมกับกุหลาบฉ่ำๆ ที่ให้กลิ่นอายถึงความเป็น Old Fashion สไตล์วินเทจ ไม่นานกลิ่นก็เริ่มแห้งและบาดจมูกด้วยความคมคายของกุหลาบโทนสีขาวที่เปิดฉากด้วยความสดชื่นแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ติดกลิ่นคมๆจากพีโอนี ให้ความรู้สึกคล้ายดอกกุหลาบสีขาวที่คมเฉียบ ดุดัน ปนเซ็กซี่แบบมีคลาส แซมด้วยผลลิ้นจี่ที่ถูกเบลนด์มาอย่างแนบเนียน คือมอบความรู้สึกฉ่ำๆ แต่ไม่ได้หวานแบ๊วเหมือนน้ำหอมสีชมพู เนื้อกลิ่นยังคงเฉิดฉายอยู่บนความหรูหราและสง่างามแบบวินเทจนิดหน่อย
ช่วงกลางไล่ไปจนถึง Dry Down ยังคงมีดอกกุหลาบคมๆเป็นนางเอกอยู่ตลอดเวลา หากแต่ว่าความคมจากพีโอนีนั้นทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ ดมจาก sillage ที่กระจายขึ้นมาจากผิวตัวเองอาจจะมีแสบจมูกบ้างหากสเปรย์หนักมือไปหน่อย แต่เชื่อเถอะ กลิ่นที่คนรอบข้างได้ดมจะเป็นอะไรที่หอมลงตัวสุดๆ แถมยังกระจายตัวดีมากๆอีกด้วย
ความทนของ Chloé EDP เหยียบ 12 ชั่วโมงได้สบายๆเพราะติดทนค่อนข้างนาน แถมยังกระจายตัวได้ดีมากๆอีกเช่นกัน แนะนำให้สเปรย์ลงบนเสื้อนะสำหรับกลิ่นนี้ มีอยู่ครั้งหนึ่งเคยถามอาจารย์ว่าสเปรย์กี่จุดกลิ่นถึงฟุ้งทั่วห้องตลอดเวลา คำตอบคือ “ฉีด 2 สเปรย์ที่เสื้อก่อนออกจากบ้าน” แค่นั้นจริงๆ สอนอยู่หน้าห้องได้กลิ่นยันเด็กหลังห้อง แถมคาบ Home Room ก่อนกลับบ้านกลิ่นก็ยังอยู่และกระจายได้ดีไม่ต่างจากตอนเช้า (ถึงกับคิดหนักเลยว่าตอนนั้นเราก็ใช้ Chloé เหมือนกัน แต่จะตะบี้ตะบันฉีดอะไร 6-7 สเปรย์ เปลืองและคนอื่นคงฉุนมากแน่ๆ 5555)
เหมาะสำหรับสาวๆวัย 20 ปีขึ้นไป ใส่ได้ทุกบุคลิก ทุกลุค ตั้งแต่สาวมั่นยันสาวหวาน หรือวัยทำงานไปแล้วก็ใช้ได้ (ก็ดูอาจารย์ประจำชั้นเป็นตัวอย่างสิ 5555) นอกจากนี้ผู้ชายก็ใช้ได้ด้วยเช่นกัน เคยได้กลิ่นโชยมาจากผู้ชายคนหนึ่ง ผิวขาว สูงโปร่ง (หล่อด้วย) ใส่แจ็กเก็ตยีนส์ รองเท้าบูท คือลุคบอยๆแมนๆ ฉีด Chloé ยังดูไม่ออกสาวเลยนะ (แถมยังมาทำเราเคลิ้มอีก เกือบจะเดินตามแล้วไง = =”) เพราะฉะนั้นหนุ่มๆไม่ต้องห่วง ถ้าชอบก็เอาเลย น้ำหอมไม่มีแบ่งแยกเพศอยู่แล้ว มีแต่คนเท่านั้นที่กำหนดมันว่า For men หรือ For Women ถ้าคิดว่ามันเข้ากับบุคลิกตัวเราก็ใส่ได้ตามสบาย
___________________________________